ขนมเครป

ขนมญี่ปุ่นที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีหลากหลายไส้ให้เลือกกินกัน นกไม่ค่อยชอบไส้หวานสักเท่าไร ส่วนใหญ่เวลาซื้อเลือกไส้คาวนะค่ะ เวลาซื้อก็ชอบยืนดูเวลาเค้ัาละเลงแป้งกวาดได้บางฝีมือจริงๆ แป้งบางริมกรอบกรุบอร่อย นกไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน วันนี้มีน้องคนหนึ่งถามเรื่องแป้งขนมเครป กับแป้งขนมเบื้องเหมือนกันหรือไม่ เลยทำให้นกคิดถึงขนมเครปขึ้นมา เสียดายว่าทำได้ไม่ค่อยสวยเท่าไร เพราะเครปของนกใช้กระทะเทฟล่อนทำ แป้งไม่ค่อยบางอย่างที่เค้าใช้เตาขนมเครปทำกัน แต่รสชาติ เนื้อแป้ง ของนกไม่ด้อยไปกว่าที่เคยซื้อกินที่เมืองไทยเลยค่ะ




ส่วนผสม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ชต
เกลือป่น หยิบมือ
นมสด 1 ถ้วย
เนยละลาย 1/4 ถ้วย
กลิ่นวานิลา 1/2 ชช

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งพักไว้ จากนั้นเติมน้ำตาลทรายและเกลือ คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
2.เติมเนยละลาย ไข่ไก่ นมสด และกลิ่นวานิลา คนให้เข้ากันจนแป้งเนียนเป็นครีมและเป็นเนื้อเดียวกัน (เวลาคนอย่าให้แป้งเกาะกันเป็นเม็ด)
3.เปิดไฟในเตาใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน เอากระทะตั้งบนเตา ทาเนยบาง ๆ บนกระทะ พอกระทะร้อนตักแป้งใส่กระทะประมาณ 1 1 ทัพพี หยอดลงบนกระทะ กรอกแป้งให้ทั่วกระทะ พักแป้งบนเตา
4.พอแป้งเริ่มสุก ให้เติมไส้ที่ต้องการ โดยทาเกลี่ยไส้ให้ทั่วๆแป้งเครป แต่ถ้าไส้เป็นชิ้นหนาๆ่ให้วางไว้แค่ครึ่งหนึ่งของแป้ง ใช้เกรียงแซ่ะขอบ พับครึ่งก่อน แล้วจึงพับประกบด้านซ้าย ขวา ใส่ซองเครปแบบกระดาษที่เตรียมไว้ตามชอบได้เลย

***นกไม่มีซองเครปกับเค้าหรอกค่ะ นกพับเสร็จแล้วก็จัดใส่จานยกเสริฟร้อนๆ คนชิมคอยชิมอยู่แล้วค่ะ วันนี้ทำสองไส้คือไส้หวานกับไส้คาวนะค่ะ อย่างที่นกบอกนกไม่มีเตาเครป ถ้ามีเตาเครปจะละเลงแป้งได้ง่ายกว่าการกรอกแป้งบนกระทะ เพราะแป้งที่ได้จะมีความหนาบางที่ต่างกันอยู่***




กระทงทูน่า

โดยปกติที่บ้านหากมีงานเลี้ยงแบบบุฟเฟต์ (Buffet) หรือ Finger Buffet ซึ่งเป็นอาหารที่ใช้มือหยิบกินเสียส่วนใหญ่ เวลาทำนกมักจะเติมแต่งโน่นนิด เพื่อให้เกิดความน่ากิน และทำให้คนกินรู้สึกอร่อยพิเศษจากขนมปังธรรมดา นกเคยสังเกตถ้าทำทูน่าแซนวิด เฉย ๆ คนจะไม่คอยหยิบเ่ท่าไร แต่พอนกทำให้รูปแบบใหม่ คนอยากชิม อยากลองแถมยังติดอกติดใจ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีส่วนผสมที่แตกต่างกันเลย




ส่วนผสม
ขนมปัง 10 แผ่น
ปลาทูน่าในน้ำเกลือ 1 กระป๋อง
มายองเนส ตามชอบ
พริกไทยป่น หยิบมือ

เกลือป่น หยิบมือ

หอมหัวใหญ่ ขนาดกลาง 1/2 หัว

แตงกวา 1/2 ลูก (ถ้ามี)


วิธีทำ
1. เทน้ำเกลือในปลาทูน่าิทิ้งออกไปให้หมด เอาเฉพาะเนื้อปลา จากนั้นนำมายีพอแหลก
2. นำหอมใหญ่และแตงกวามาหัั่่นซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าตามชอบ (แตงกวาให้เอาส่วนของเมล็ดแตงออกให้เหลือเฉพาะเนื้อเพราะเนื้อ เพราุ้ะถ้าใส่ส่วนที่เป็นเม็ดไปจะทำให้แฉะเป็นน้ำ) จากนั้นผสมด้วยมายองเนส เพิ่มรสชาติด้วยมพริกไทยป่น เกลือป่นได้ ตามชอบ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันคะ (เวลาใส่มายองเนสสังเกตุอยากให้ส่วนผสมเหลวแฉะเกินไปก็ใช้ได้แล้ว) นำเข้าตู้เย็นรอกระทง
3. นำขนมปังทีี่ใช้สำหรับทำกระทงมาัตัีด โดยใช้พิมพ์กดคุ๊กกี้แบบกลมขนาดใหญ่กว่าถ้วยสำหรับทำเค้กมาตัด หรือจะตัดเป็นสี่เหลี่ยมก็ได้ตามชอบ จากนั้นนำขมมปังที่ตัดมาจับจีบให้เป็นรูปดอกไม้วางกดลงในถ้วย นำเข้าเตาอบประมาณ 10 นาที หรือจนกระทั้งกรอบเหลืองสวยเสร็จแล้วก็เอาออกจากเตา วางพักไว้บนตะแกรงเพื่อให้คลายความร้อน
4.นำทูน่าที่แช่พักไว้ตักใส่ในกระทงที่คลายความร้อนเรียบร้อยแล้ว จัดใส่จานราดหน้าด้วยมายองเนสอีกครั้ง เ่ท่านี้ก็ได้กระทงทูน่า น่ารักจุมจิ๋มยกเสริฟได้เลยค่ะ

**นกทำกระทงไว้ 2 แบบ เป็นแบบกลม และสี่เหลี่ยม เพื่อน ๆ ชอบแบบไหนก็เลือกเอานะค่ะ เข้าเตาอบ อบเสร็จออกมาอย่างที่เห็นนี้ ภาพบนนกตัดขนมปังเป็นแบบกลม ส่วนภาพล่างตัดขนมปังเป็นสี่เหลี่ยมละค่ะ ใครชอบแบบไหนแล้วแต่จะเลือกกัน อยู่ที่เราตัดขนมปังนะค่ะ นกเอามาให้ดูทั้งสองแบบ และ
สำหรับเศษขนมปังที่เราตัด อย่าทิ้งให้นำมาทำขนมปังเนย วิธีการคือนำขนมปังที่เหลือมาทาเนย แล้วตัดให้เป็นเส้นความกว้างยาวตามชอบ จากนั้นโรยด้วยน้ำตาลทรายนำเข้าเตาอบ อบให้เหลืองกรอบ เท่านี้ก็ได้ขนมปังเนยน้ำตาลไว้เป็นของกินแล้วละค่ะ นี้เป็นขนมปังที่เหลือแล้วนกเอาทำไว้กินคู่กับกาแฟยามบ่ายนะค่ะ***

และนี้ก็เศษขนมปังที่เหลืออย่างที่บอก นกเอามาทำขนมปังอบเนยน้ำตาล ไว้กินเล่นกับกาแฟ ยามบ่าย ค่ะ



หมูผัดพริกแกงไข่เค็ม




ส่วนผสม
เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ 350 กรัม
ไข่แดงของไข่เค็มหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ฟอง
น้ำพริกแกง 2 ชต
พริกชี้ฟ้า หั่นเฉียง 2 เม็ด
ใบมะกรูดหั่นฝอย (ถ้ามี)
น้ำปลา 2 ชช
น้ำตาลทราย 1 ชต
น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ
1. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่ลงไปผัดจนหอมและแตกมัน จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไป ผัดจนเนื้อหมูเกือบสุก
2.ใส่ไข่แดงเค็มลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเนื้อหมู ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ใส่พริกชี้ฟ้าแดงผัดให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นตักใส่จานโรยด้วยใบมะกรูดยกเสริฟได้เลยค่ะ

หมูโสร่ง

"หมูโสร่ง ของกินหายากในปัจจุบัน" นี้เป็นบทความที่นกได้อ่านนานมากจนจำไม่ได้ว่าเป็นบทความจากที่ไหน นกว่าเมื่อไรมีโอกาสจะลองทำดูสักครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้ลงทำสักกะที อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนนกไม่ได้เป็นแม่บ้านเข้าครัวเหมือนในปัจจุบันนี้ ตอนอยู่เมื่องไทยมีงานสังสรรส่วนใหญ่พวกเราก็มักจะออกไปกินข้าวนอกบ้าน เลือกร้านอาหารที่ถูกใจสั่ง ๆ ก็จบ แต่พอมาอยู่ต่างแดนเวลามีงานเลี้ยงสังสรร มักจะเลี้ยงกันที่บ้าน นาน ๆ จะเลี้ยงกันที่ร้านอาหารสักครั้ง เพราะการเลี้ยงกันที่ร้านอาหารค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ คงต้องอยู่อย่างพอเพียง สำหรับนกกับแฟนคลับเราสองคนนาน ๆ จะออกไปทานข้าวนอกบ้านสักครั้ง โดยเฉพาะในวันสำคัญ ๆ ไม่ได้ออกไปกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ ดังนั้นเวลามีงานเลี้ยงกับเพื่อน ๆ นกมักจะทำโน่นนี้ไปแชร์กัน ถือเป็นการช่วยเหลือกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือจะเป็นเครื่องดืม เวลานกจะทำเมนูอะไรมักจะทำให้เป็นกลางๆไว้ก่อน คนไทยกินได้ ฝรั่งกินดี มีความสุข และตื่นเต้นกับเมนูที่เราทำไปให้ชิม




ส่วนผสม
เส้นหมี่ไข่/เส้นหมี่ซั่ว 2 พับ (เส้นหมี่ของนกเป็นแบบแห้งพับบาง ๆ )
หมูบดละเอียด 250 กรัม
ซีอิ้วขาว 2 ชต
กระเทียม 3-4 กลีบ
พริกไทย 1 ชช

รากผักชี 1 ราก
เกลือป่น 1 ชช
น้ำมันหอย 1 ชต
แป้งข้าวโพด 1 ชต
น้ำมันงาน 1 ชช
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิีธีทำ
1. โขลกพริกไทย กระเทียม รากผักชี และเกลือให้ละเอียดตามชอบ แล้วนำไปผสมกับเนื้อหมู นวดเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำมันหอย แป้งข้าวโพด และน้ำมันงา จากนั้นนวดให้เข้ากันทั้งหมด นำไปหมักไว้ในตู้เย็น ประมาณ 30 นาที ครบกำหนดนำไปนึ่งให้พอสุก ใช้เวลานึ่งประมาณ 10-15 นาที พักไว้ให้เย็น
2. นำเส้นหมี่ไปลวกแล้วผ่านน้ำเย็น พักให้สะเด็ดน้ำ นำเส้นหมี่มาพันกับหมูที่ปั่นก้อนไว้แล้ว พันจนหมดทุกก้อน แล้วนำไปทอด
3. เปิดไฟในเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างร้อน ตั้งกะทะบนเตาใส่น้ำมันให้พอทอด รอจนน้ำมันร้อน นำหมูโสร่งลงทอดให้เหลืองกรอบ ตักวางบนกระดาษซับมัน จากนั้นจัดใส่จานเสริฟพร้อมน้ำจิ้มบ่วย หรือน้ำจิ้มไก่ตามชอบได้เลยค่ะ

*** เส้นหมี่ของนกเป็นแบบแห้ง จึงต้องเอาไปต้มแล้วนำมาพัน แต่ถ้าเส้่นหมี่ของเพื่อนๆ เป็นแบบเ้ส้นสด ก็นำมาพันกันหมูนวดหมักได้เลย ไม่ต้องนำหมูไปนึ่งก่อน พอพันเส้นเสร็จแล้วถึงจะนำไปนึ่ง ระยะเวลาในการนึ่งใช้เวลา 10-15 นาที เช่นกัน ส่วนวิธีการพัน จะพันมากน้อยแล้วแต่ชอบกัน อย่างวันนี้นกพันไม่มากเท่าไร ยังเห็นเนื้อหมูอยู่เยอะ ถ้าเพื่อนๆ ขยันจะพันให้จนไม่เห็นเนื้่อหมูก็ได้ เวลาพันให้ัเก็บเส้นให้เรียบร้อย เวลานำไปทอดเส้นหมี่ที่พันไว้จะได้มีจะได้ไม่ชี้โด่เด่นะค่ะ***



ข้าวเกรียบมันฝรั่ง/ ข้าวเกรียบกุ้ง

ช่วงนี้นกมีเวลาว่างเยอะ เลยจัดโน่นนี้ไปเรื่อยโดยเฉพาะห้องครัว รื้อข้าวของปรับเปลี่ยนมุม รื้อไปมาไปเจอะแป้งมัน 2 ถุง ที่เพื่อนแฟนคลับซื้อให้นานจนนกลืมไปเลยค่ะ มีเยอะขนาดนี้ ทำอะไรดีเมนูที่ใช้แป้งมันเยอะขนาดนี้ มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือข้าวเกรียบ ไม่รอช้าจัดการเลย วันนี้นกเลือกทำข้าวเกรียบมันฝรั่ง กับข้าวเกรียบกุ้งค่ะ


ส่วนผสมข้าวเกรียบกุ้ง

เนื้อกุ้งสด (ปอกเปลือก) 1 ถ้วย

กระเทียมโขลกละเอียด 2 ชต

พริกไทยปน 1 ชช
เกลือปน 1 ชช
แป้งมัน 2 ถ้วย

น้ำเดือด 1/2 ถ้วย


วิธีทำ

1.โขลกกุ้งให้ละเอียด ใส่กระเทียม พริกไทย เกลือ โขลกให้เข้ากัน

2. ผสมกุ้งกับแป้งมันให้เข้ากัน นวดให้นิ่ม ถ้าแป้งยังแข็งให้ใส่น้ำเล็กน้อยพอให้แป้งจับตัวปั้นเป็นก้อนได้ จากนั้น นำแป้งมาปั้นให้เป็นรูปกลมยาว

3.ปูผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดในลังถึง วางส่วนผสมที่ปั้นไว้ตรงกลางนึ่ง โดยใช้ไฟแรงประมาณ 1 ชมหรือจนกระทั้งสุก จากนั้นก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 4-5 ชม (ให้แป้งแข็งตัวเพื่อจะได้หั่นง่าย ๆ แต่อย่าให้แข็งตัวมากเกิืนไปจะหั่นยาก หรืออ่อนตัวเกินไปก็จะติดมือหั่นไม่ได้)

4.จากนั้นก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา1วัน เอาออกมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำตากให้แห้งสนิท ประมาณ 1-2 แดด (ที่บ้านไม่ค่อยมีแดด เลยตากประมาณ 2 วัน) จากนั้นนำไปทอดได้เลยค่ะ
5.เวลาทอดใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ทอดน้ำมันมาก ใส่ข้าวเกรียบทีละน้อย ช้อนข้าวเกรียบตลอดเวลา ให้ข้าวเกรียบพองเสมอกันทั่ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักให้เย็นแล้
วนำบรรจุถุง เท่านี้ก็ได้ข้าวเกรียบอร่อยๆ ไว้เลี้ยงในงานสังสรรแล้วละค่ะ

***นอกจากข้าวเกรียบกุ้งแล้ว นกยังทำข้าวเกรียบฟักทอง ข้าวเกรียบมันฝรั่ง ข้าวเกรียบแครรอท ซึ่งส่วนผสมและวิธีการทำคล้าย ๆ กับข้าวเกรียบกุ้ง แต่จะไม่มีส่วนผสมของน้ำเดือด เพราะผักจะมีน้ำอยู่ในตัวแล้ว การใส่ส่วนผสมของผักจะใส่สัดส่วนของ ผักให้น้อยกว่าสัดส่วยของแป้ง ครึ่งหนึ่ง เช่นข้าวเกรียบฟักทอง ถ้าใช้แป้งมัน 2 ถ้วย เนื้อฟักทองบดจะใช้ 1 ถ้วย เป็นต้น การทำข้าวเกรียบผัก จะต้องบดผักที่ใช้่อย่างละเอียด แล้วนำมาผสมกับแป้งในขณะที่ผักบดยังร้อนอยู่ไม่ต้องคอยให้เย็นนะค่ะ และจะต้องใส่น้ำมันพืชลงไปสักเล็กน้อย เพื่อให้แป้งนวลไม่ติดมือ การนวดส่วนผสมจะต้องไม่เหลวเกินไป หรือแข็งเกินไป นะค่ะ***


ส่วนผสมของข้าวเกรียบมันฝรั่ง
เนื้อมันฝรั่งบด 1/2 ถ้วย แป้งมัน 1 ถ้วย
กระเทียมโขลกละเอียด 2 ชต

พริกไทยปน 1 ชช

เกลือปน 1 ชช

น้ำมันพืช เล็กน้อย


วิธีทำ
1.โขลกกระเทียม พริกไทย เกลือ โขลกให้ละเอียดเข้ากัน

2.ต้มมันฝรั่งแล้วนำมาบด จากนั้นนำไปแป้งมัน กระเทียมที่โขลกละเอียดไว้แล้ว นวดให้นิ่ม ถ้าแป้งยังแข็งให้ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยพอให้แป้งจับตัวปั้นเป็ นก้อนได้ จากนั้น นำแป้งมาปั้นให้เป็นรูปกลมยาว
3.ปูผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดในลังถึง วางส่วนผสมที่ปั้นไว้ตรงกลางนึ่ง โดยใช้ไฟแรงประมาณ 1 ชมหรือจนกระทั้งสุก จากนั้นก็นำพาสติกมาพันหุ้มให้เรียบร้อย พักให้เย็นแล้วไปแช่ไว้
ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 4-5 ชม (ให้แป้งแข็งตัวเพื่อจะได้หั่นง่าย ๆ แต่อย่าให้แข็งตัวมากเกิืนไปจะหั่นยาก หรืออ่อนตัวเกินไปก็จะติดมือหั่นไม่ได้)
4.จากนั้นก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็น ช่องธรรมดา1วัน เอาออกมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำตากให้แห้งสนิท ประมาณ 1-2 แดด (ที่บ้านไม่ค่อยมีแดด เลยตากประมาณ 2 วัน) จากนั้นนำไปทอดได้เลยค่ะ

5.เวลา ทอดใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ทอดน้ำมันมาก ใส่ข้าวเกรียบทีละน้อย ช้อนข้าวเกรียบตลอดเวลา ให้ข้าวเกรียบพองเสมอกันทั่ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักใ ห้เย็นแล้วนำบรรจุถุง เท่านี้ก็ได้ข้าวเกรียบอร่อยๆ ไว้เลี้ยงในงานสังสรรแล้วล ะค่ะ