ผัดขี้ยางใส่ไข่/ไชโป๊ผัดไข่

เพื่อนชาวครัวหลายคน ๆ อาจจะไม่รู้จัก หากเอ๋ยถึงชื่อเมนู"ผัดขี้ยางใส่ไข่" เพราะเป็นชื่อเรียกเฉพาะของคนพื้นเมืองท้องถิ่นทางภาคใต้ ในบางจังหวัดที่เรียกผัดไชโป๊ว่าผัดขี้ยาง ส่วนตัวไม่มีความรู้ว่าชื่อนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ยินคุณยายเรียก น้องสาวที่บ้านก็เรียกแบบเดียวกัน จากการสอบถาม คุณยายบอกว่าที่เรียกว่าผัดขี้ยางเพราะไชโป๊ เป็นเส้นๆเหมือนกับขี้ยาง ซึ่งขี้ยางนี้ได้มาจากน้ำยางที่แห้งติดรอยกรีด ลอกออกจากหน้ายางก่อนกรีด ขี้ยางชนิดนี้ ชาวสวนยางเรียกว่าขี้เส้น สามารถเก็บและนำไปขายได้  สำหรับไชโป๊ผัดไข่ เป็นเมนูอาหารแสนง่าย ใช้เวลาไม่นาน กินคู่กับข้าวต้ม หรือข้าวสวยก็อร่อยทั้งนั้น





ส่วนผสม 
หัวไชโป๊วหวานแบบเส้น 380 กรัม
ไข่ไก่ 4 ฟอง
กระเทียม 4 กลีบ
น้ำตาลทราย  ตามชอบ
ซีอิ๊วขาว ตามชอบ
น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำ 
1.นำกระเทียมมาสับพอหยาบ ๆ ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วยรอไว้ จากนั้นล้างหัวไชโป๊ว ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลาง ๆ รอจนน้ำมันเริ่มร้อนใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม ตามด้วยไชโป๊วลงไปผัดให้เข้ากันจนไชโป๊วสุก
3.ใส่ไข่ไก่ที่ตอกไว้ลงตรงกลาง รอให้ไข่สุก แล้วค่อยๆกลับไข่อีกด้าน เกรี่ยงไข่เรื่อย ๆ ผัดไปมาจนไข่สุก ปรุงรส ซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายชิมรส (ก่อนจะปรุงให้ชิมรสก่อน เพราะหัวไชโป๊วมีรสชาติอยู่บ้างแล้ว) ตักใส่จานยกเสิร์ฟ 








น้ำชุบลูกม่วงเบา/น้ำพริกมะม่วงเบา

น้ำชุบลูกม่วงเบา/น้ำพริกมะม่วงเบา เป็นน้ำพริกของชาวปักษ์ใต้ ที่มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดแซ่บ หอมกลิ่นกะปิย่าง ใครได้กินแล้วจะติดในความอร่อย สำหรับลูกม่วงเบาหรือมะม่วงเบานั้นเป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองทางภาคใต้  มีผลขนาดเล็กกินได้ทั้งผลดิบ ๆ และผลสุก 






ผลดิบนั้นจะมีรสเปรี้ยว นำมาปรุงเป็นอาหารอย่างน้ำพริก แกงส้ม หรือจะกินคู่กับน้ำปลาหวานก็อร่อย แต่หากปล่อยให้สุกเหลือง มะม่วงก็จะมีรสหวาน สามารถนำแปรรูปเป็นมะม่วงกวน มะม่วงแผ่น หรือจะนำมาปั่นกับน้ำแข็งก็อร่อย น้ำชุบลูกม่วงเบา/น้ำพริกมะม่วงเบา มีส่วนผสมไม่เยอะ ทำง่ายอร่อยมาก ต้องลอง






ส่วนผสม  
มะม่วงเบา 6-7 ลูก
กะปิ 2  ช้อนโต๊ะ
พริกสด 10-12  เม็ด (หากต้องการเผ็ดมาก ก็ใส่พริกให้มากได้)
หอมแดง 3 หัว
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ (นกใช้น้ำตาลแว่นขนาดใหญ่ ใส่ 2 แว่น)

วิธีทำ 
1.นำกะปิห่อด้วยใบตอย่างไฟ หรือนำไปจีในกระทะให้หอม ปลอกหอมแดง เปลือกมะม่วงล้างสับหรือขูดให้เป็นเส้นๆ พักไว้
2.ใส่หอมแดงและพริกสดลงไปโขลกพอแหลก ใส่กะปิที่เผาลงไปตามด้วยน้ำตาลปี๊บโขลกส่วนผสมให้เข้ากัน 
3ใส่มะม่วงสับลงไปโขลกคลุกเคล้าจนเข้ากันดี ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟพร้อมผักเคียงตามชอบ 









ข้าวผัดแหนมตุ้มจิ๋ว

หากจะพูดถึงแหนม ส่วนตัวจะนึกถึงเมนูอาหารจานเดียวนั้นคือข้าวผัดแหนม ข้าวผัดหอมกลิ่นคั่วกระทะ รสชาติกลมกล่อม อร่อยสุดๆ ยิ่งได้ฝีมือคุณยาย(แม่)ผัดให้กิน ยิ่งอร่อย





ส่วนผสม 
ข้าวสุกเย็น 1 ถ้วย
แหนมตุ้มจิ๋ว 5 อัน
ผักคะน้า 2 ต้น
ไข่ไก่  2  ฟอง
กระเทียม 3 กลีบ
หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
ผงปรุงรส  เล็กน้อย
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำหวาน  ตามชอบ
น้ำตาลทราย   ตามชอบ
น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ
1.ล้างหั่นคะน้า หอมหัวใหญ่ สับกระเทียม และหั่นแหนมพักไว้ ตั้งกะทะบนเตาใส่น้ำมันพืชสำหรับผัด รอให้น้ำมันร้อน 
2.ใส่กระเทียมและหอมหัวใหญ่ผัดให้เข้ากันจนหอมเริ่มสุก ตอกไข่ลงในกะทะ ใช้ตะหลิวขยี้ให้ไข่กระจายจนกระทั้งเริ่มสุกปานกลาง 
3.ใส่แหนมในกะทะผัดให้แหนมกระจายตัว นำข้าวสวยเย็นลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้า
4.ใส่ผักคะน้าลงไปผัดต่อ ปรุงรสด้วย ผงปรุงรส ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย ซีอิ้วดำหวาน น้ำตาลทราย 
เร่งไฟให้แรงขึ้น ผัดผักให้คะน้าสุกและเข้ากันดี ชิมรสตาม
5.ตักใส่จาน ยกเสิร์ฟ พร้อมด้วยแตงกวาและมะนาวหั่นซีก








ตำมะเขือเปราะ/ซุปมะเขือ

ครัวบ้านนกขอนำเสนอตำมะเขือเปราะ/ซุปมะเขือ อาหารทางภาคเหนือที่หลาย ๆคนคุ้นเคยกันดี ตนเองทำในแบบฉบับของที่บ้าน สูตรง่าย ๆ ไม่ใส่น้ำปลาร้าก็อร่อย อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ จะกินเล่นคู่กับ
ผักสดหรือจะกินคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ ก็อร่อยเช่นเดียวกัน






ส่วนผสม 
มะเขือเปราะ 15 ลูก 
พริกสด 10 เม็ด
พริกชี้ฟ้า 5 เม็ด
พริกหนุ่ม 7-8 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 1 หัว 
ไข่ต้ม 3 ฟอง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ 
เกลือป่น  ตามชอบ
สะระแหน่  ตามชอบ
ต้นหอม ผักชี  ตามชอบ

วิธีทำ 
1.นำพริกสด พริกชี้ฟ้า พริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม ไปย่างให้สุก นำมา มาลอกเปลือกออก เตรียมไว้
2.ตั้งหม้อต้มน้ำบนเตาใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย พอน้ำเดือดใส่มะเขือเปราะลงไปต้มจนสุก
3.ตำพริก กระเทียม หอมแดง ให้แหลกตามชอบ 
4.ใส่มะเขือเปราะต้ม ที่หั่นไว้ลงไปตำให้เข้ากัน แบ่งต้นหอมผักชืเล็กน้อย 
5.ใส่ลงในครกตำเบาๆ รวมกับมะเขือเปราะ ปรุงรสด้วยน้ำปลาและเกลือป่น คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
6.ตักใส่จานโรยด้วย ต้นหอมผักชี ใบสะระแหน่ และไข่ต้มหั่นชิ้นขนาดตามชอบ ยกเสิร์ฟ 










ข้าวต้มเป็ดใส่Chestnut Mushrooms (เห็ดเกาลัด)

ข้าวต้มเป็ดใส่เห็ดเกาลัด เป็นเมนูข้าวต้มที่ชอบมาก ๆ อีกเมนูหนึ่ง ซึ่งที่บ้านจะทำแบบง่าย ๆ จะใช้เนื้อเป็ดที่อบเอาไว้ทำอาหารและกินไปมื้อหนึ่งแล้ว มาทำข้าวต้มต่อ โดยจะซื้อเป็ดตัว ๆ จากนั้นล้างทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ก็จะโรยพริกไทยกับเกลือป่นเล็กน้อยบนตัวเป็ดแล้วนำไปอบ และหลังจากที่อบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำไปปรุงอาหารตามที่ต้องการเสียก่อน หลังจากนั้นก็จะเก็บเนื้อ กระดูกที่ยังใช้ไม่หมดนำเข้าแช่แข็งเอาไว้ เพื่อจะนำมาใช้ทำเป็นเมนูอาหารอื่นๆ ในครั้งต่อไปๆ ได้อีก และอย่างเช้าวันนี้เห็นว่าอากาศหนาว ๆ ฝนตก ๆ ทำข้าวต้มเป็นอาหารเช้าน่าจะดี ชวนเพื่อนชาวครัวมาทำกันเลย


 

ส่วนผสม 
ข้าวสวยเย็น 2 ถ้วย
เนื้อและกระดูกเป็ดอบ  ตามชอบ (เนื้ออกเป็ด ปีกเป็ด คอเป็ด และกระดูกช่วงตัวเป็ด)
กระเทียม 4 กลีบ
หอมแดง 3 หัว
ขิงสด 1 แง่ง
เห็ดเกาลัด (Chestnut Mushrooms )  5-6 ดอก
ซุปก้อน 1 ก้อน
เกลือป่น ตามชอบ
พริกไทยป่น เล็กน้อย
ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำมันกระเทียมเจียว ตามชอบ
ต้นหอม ผักชี  ตามชอบ
น้ำเปล่าสำหรับทำน้ำซุุป

วิธีทำ 
1.หั่นเนื้ออกเป็ด เห็ดเกาลัด ซอยขิงสด ต้นหอมผักชี ทุบกระเทียม หอมแดง พักไว้
2.ตั้งหม้อต้มใส่น้ำเปล่า ซุปก้อนกระเทียม หอมแดง ขิงสด รอให้น้ำเริ่มร้อน 
3.ใส่กระดูกเป็ดลงไปต้มให้เดือด ลดไฟเคี่ยวจนกระดูกอ่อนนุ่ม ให้ได้น้ำซุปเป็ดหอม ๆ
4.นำน้ำซุปที่ได้มากรอง ใส่ข้าวสวยเย็นลงไปในหม้อ ตั้งบนเตาต้มให้เม็ดข้าวบานตามชอบ ปรุงรสด้วยเกลือป่น ผงปรุงรส
5.ใส่เนื้อเป็ดลงเคี่ยวต่อสักพัก 
6.ใส่เห็ดหอม และขิงซอยลงไป คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เคี่ยวต่อจนทุกอย่างสุกเข้ากัน
7.ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยต้นหอมผักชี พริกไทยป่นและกระเทียมเจียว ยกเสิร์ฟ








หมูผัดกะหล่ำดาว (อาหารปิ่นโตไปวัดของคุณยาย)

 หลังจากที่คุณยายท่านเกษียณอายุงาน ท่านก็มีอะไรทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ให้เหงา อย่างช่วยเหลือหมู่บ้าน ชมรมผู้สูงอายุ  เป็นวิทยากรบรรยายให้กับกลุ่มการศึกษานอกโรงเรียน กลุ่มจัดดอกไม้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ท่านสนุกกับชีวิตหลังกษียณเป็นอย่างมากๆ นอกจากนี้แล้วยังมีอีกอย่างที่ท่านทำเป็นประจำนั้นก็คือการตักบาตร ในตอนเช้าพร้อมๆ กับเพื่อนบ้าน









และการไปวัดทุก ๆวันพระ ตลอดจนการไปสวดมนต์ในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งการไปวัดของท่าน ทำให้ท่านได้เจอะกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน มีการจัดทำกิจกรรมช่วยเหลือทางวัดร่วมกัน ลูก ๆ หลานๆ อย่างพวกเราก็สบายใจ ที่ท่านมีอะไรทำ 







ในวันพระทุก ๆ ครั้งก็จะทำเมนูอาหารไปวัดด้วยเสมอ ๆ เส่วนใหญ่แล้วจะมีข้าว แกง ผัด ทอด และผลไม้ สลับกันไป อย่างวันพระนี้เป็นหมูผัดกะหล่ำดาว เป็นอาหารจานผัดที่ท่านชอบและอยากให้ทำไปถวายพระ





สำหรับกะหล่ำดาว/กะหล่ำปลีดาว  (Brussels Sprouts) นั้นเป็นพืชตระกูลกะหล่ำเช่นเดียวกับกะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บรอกโคลี สามารถกินได้ทั้งดิบและปรุงให้สุก แต่ส่วนใหญ่จะไม่นิยมกินดิบๆ กัน จะนำมาปรุงให้สุกเสียก่อน อย่างเช่นนำมาผัด ต้ม แกงหรือไม่ก็ย่าง 





กะหล่ำดาวนั้นมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และยังเป็นแหล่งของโปรตีน มีสารต้านอนุมูลอิสระ  มีไฟเบอร์สูง  ลดการอักเสบในร่างกาย ฯลฯ เมนูหมูผัดกะหล่ำดาว ทำง่ายอร่อยมาก






ส่วนผสม 
เนื้อหมู 240 กรั
กะหล่ำดาว 180 กรัม
กระเทียม 3 กลีล
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว ตามชอบ
น้ำตาลทราย ตามชอบ
น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำ 
1.หั่นเนื้อหมู กะหล่ำดาว และสับกระเทียม  นำกะหล่ำดาวลงไปลวกให้พอเริ่มสุก ตักขึ้นพักไว้
2.ตั้งกระทะบนเตาใส่น้ำมันลงในกระทะ รอให้เริ่มร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดให้พอเริ่มหอม
3.ใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้เข้ากัน รอจนหมูเริ่มสุก
4.ใส่กะหล่ำดาวที่ลวกไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทราย เติมน้ำเปล่านิดหน่อย ชิมรสตามชอบ
5.ตักใส่ปิ่นโต พร้อมถวาย อีกส่วนตักใส่จานไว้กินที่บ้าน 









นอกจากอาหารจานผัดนี้แล้ว ก็ยังมีปลากระบอกแดดเดียว และน้ำพริก เป็นอาหารถวายพระครั้งนี้อีกด้วย 




ผัดพริกแกงหมู กะหล่ำดาว

ผัดพริกแกงหมู กะหล่ำดาว พริกแกงเผ็ดใต้ สูตรที่บ้านตำเองแบบง่าย ๆ รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกงสมุนไพร  เผ็ดร้อนได้ใจมากๆ  กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยฟิน





ส่วนผสม 
เนื้อหมู 300 กรัม 
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
(ประกอบด้วยพริกสด พริกแห้ง ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ขมิ้น ข่า ผิวมะกรูด พริกไทย เกลือป่น กะปิ)  กะหล่ำดาว 200 กรัม
พริกสด 7-8 เม็ด 
ใบมะกรูด 6-8 ใบ
น้ำตาลทราย  ตามชอบ
น้ำปลา ตามชอบ
น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ
1.หั่นล้าง เนื้อหมู กะหล่ำดาว ฉีกใบมะกรูด พริกสด พักไว้
2.ตั้งหม้อน้ำต้มบนเตา นำกะหล่ำดาวลงไปลวกสักพัก ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
3.ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงในกระทะ น้ำมันร้อน ใส่พริกแกงลงไปผัดพอหอม เติมน้ำเปล่า
4.ใส่เนื้อหมูลงไป ผัดจนเนื้อหมูเริ่มสุก 
5.ใส่กะหล่ำดาว ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลา ชิมรสตามชอบ
6.ใส่ใบมะกรูด พริกสด ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟตักใส่จานยกเสิร์ฟ








ต้มเล้ง/เล้งแซ่บ

วันนี้ครัวบ้านนกขอนำเสนอ ต้มเล้ง/เล้งแซ่บ เมนูอาหารสแซ่บน่ากิน เมนูกับแกล้มของหลาย ๆ คน หรือจะกินเล่นเพลิน ก็ได้เช่นเดียวกัน สำหรับกระดูกเล้งนั้นเป็นส่วนของกระดูกสันหลังของหมู ที่เลาะเนื้อออกไปแล้วแต่ยังเหลือเนื้อติดกระดูกอยู่บ้างเล็กน้อย นำไปต้มจนเนื้อเปื่อยนุ่มจนเนื้อหลุดจากกระดูกเวลากิน ผสมกับน้ำซุปที่มีรสเผ็ดอมเปรี้ยว  จนแซ่บถึงใจคนกิน ซดน้ำซุปร้อน ๆ คล่องคอ ต้มเล้งแซ่บทำได้ง่าย ๆ อร่อยมากๆ





ส่วนผสม 
กระดูกเล้ง 800 กรัม
กระเทียม 10 กลีบ
หอมแดง 4 หัว
รากผักชี 6 ราก
ใบมะกรูด 6-7 ใบ
ตะไคร้ 3-4 ต้น
เกลือป่น ตามชอบ
พริกขี้หนู  ตามชอบ
ผักชี 2-3 ต้น
ผักชีฝรั่ง  ตามชอบ
น้ำมะนาว 6-8 ลูก
น้ำปลา  ตามชอบ
น้ำเปล่าสำหรับทำน้ำซุป

วิธีทำ 
1.นำกระดูกเล้งมาล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ หั่นซอย พริกขี้หนู ผักชี ผักชีฝรั่ง บีบมะนาว พักไว้
2.ตั้งหม้อน้ำ ใส่กระเทียม หอมแดง รากผักชี ใบมะกรูด ตะไคร้ เกลือป่น ลงไปต้มให้น้ำเดือด
3.ใส่กระดูกเล้งลงในหม้อ พร้อมด้วยเกลือป่น ต้มเคี่ยวไฟอ่อน จนกระดูกเล้งสุกนุ่ม
4.ตักกระดูกหมูใส่ชาม โรยด้วยผักชี ผักชีฝรั่ง พริกขี้หนู ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ยกเสิร์ฟ







ต้มจืดผักหวานเต้าหู้หมูสับ

ฝนตกลงมาสองสามวัน ผักหวานผักริมรั้วของคุณยายที่ปลูกเอาไว้ข้าง ๆ บ้าน เติบโตเร็วมากๆ ชวนกันแตกยอดอ่อนๆ พอได้เก็บมาปรุงอาหาร ซึ่งที่บ้านชอบกินผักหวานกันทุกคน โดยเฉพาะต้มจืด เป็นเมนูง่าย ๆ ของที่บ้าน ทำเมื่อไรอร่อยฟินเมื่อนั้น




ส่วนผสม 
หมูสับ 200 กรัม
ผักหวาน  ตามชอบ
สาหร่าย 2 แผ่น
ดอกไม้จืน 1 กำมือ
เต้าหู้ไข่ 2 หลอด
ซุปหมูก้อน 1 ก้อน
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ตามชอบ
พริกไทยป่น เล็กน้อย
น้ำเปล่าสำหรับทำน้ำซุป

วิธีทำ 
1.ผสมหมูสับ กับพริกไทยป่น ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย คลุกเคล้าพอเข้ากัน
2.หั่นเต้าหู้ไข่ เด็ดหั่นและล้างผักหวาน ดอกไม้จีน สาหร่า พักไว้
3.ต้มน้ำเปล่า ใส่กระเทียม ซุปหมูก้อน เกลือป่น รอให้น้ำเดือด
4.ปั้นหมูสับที่หมักไว้เป็นก้อนกลมลงต้มพอสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว ชิมรสตามชอบ
5.ใส่ผักหวาน สาหร่าย ดอกไม้จีน และเต้าหู้ไข่ ลงไปในหม้อ รอให้เดือดอีกรอบ ปิดไฟ ตักใส่ชามโรยด้วยพริกไทยป่น ยกเสิร์ฟ







กุยช่ายผัดตับหมู

กุยช่ายผัดตับหมู เมนูผัดตับที่ชอบกินมากๆ เมนูหนึ่ง โดยเฉพาะต้นกุยช่ายที่ซื้อจากแม่ค้าประจำ ตอนไปเที่ยวบ้านน้องสาว ๆ ในทุก ๆ เช้าของวันจันทร์ถึงวันเสาร์ จะมีแม่ค้าคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไชด์ บีบแตร เสียงดังตลอดถนน บอกให้ลูกค้ารู้ว่ามีกับข้าว ขนมหวาน อาหารเช้า หมูปิ้ง ข้าวเหนียว ไก่ทอด ข้าวยำ ขนมจีน  รวมไปถึงผัก ผลไม้ ที่ถูกแขวนมากับรถมอเตอร์ไชด์ ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้ารถ ด้านหลัง ด้านข้าง เต็มรถไปหมด ซึ่งเค้าจะวิ่งรถออกขายรอบๆหมูบ้าน ทุกครั้งที่มีกุยช่ายมาขาย  ที่บ้านน้องสาวก็จะซื้อนำมาผัดกินอยู่เสมอ ๆ เพราะเป็นผักที่ชาวบ้านปลูก ปลอดสารพิษ  ราคาไม่แพง เก็บสด ๆ ใหม่ ๆ ในตอนเช้าตรู่ คุณยายนั้นชอบ ส่วนตัวเองก็ชอบกินอยู่เช่นเดียวกันสำหรับเมนูผัดตับ จะต้องเป็นผัดตับที่ทำเองที่บ้าน กลัวเรื่องกลิ่น และความคาวของตับ




ส่วนผสม 
ตับหมู 300 กรัม
กุยฉ่าย 2 กำมือ
กระเทียม 4 กลีบ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2  ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส ตามชอบ
น้ำตาล  ตามชอบ
น้ำเปล่า เล็กน้อย
น้ำมันสำหรับผัด
แป้งมันสำหรับหมักตับ

วิธีทำ 
1.ล้างตับให้สะอาด นำมาหั่นเป็นชิ้น ล้างน้ำเปล่าจนกระทั้งไม่เห็นสีเลือดในน้ำ จากนั้นนำตับที่ได้หมักด้วยแป้งมันประมาณ 30 นาทีและล้างออกให้หมดแป้ง 
2.ล้างต้นกุยช่ายให้สะอาด นำไปหั่นเป็นท่อนพอดีคำ ปลอกเปลือกกระเทียม แล้วนำไปสับหยาบๆ
3.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้น้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมสับลงผัดจนหอม และเปลี่ยนสี ใส่ตับลงผัดไปให้พอเริ่มสุก
4.ใส่ต้นกุยช่ายที่หั่นไว้ลงในกระทะ ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำมันหอย ซอสปรุงรส ใส่น้ำเปล่าพอให้มีน้ำคลุกคลิก คนให้เข้ากัน  ชิมรสตามชอบ ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ