แยมแอปเปิ้ล

ช่วงนี้เป็นหน้าแอปเปิ้ลค่ะ หันไปทางไหนก็เห็นแต่แอปเปิ้ลเต็มต้นไปหมด บางบ้านมีเยอะจริงๆ เลยไม่สนใจปล่อยให้นกกามากิน หรือไม่ก็ปล่อยให้ล่วงหล่นเน่าเสียไป นกเห็นแล้วเสียดายจริงๆ ยังพูดกับแฟนคลับเลยค่ะทำไม่เค้าไม่เอาไปทำบ้างหรือ แฟนคลับบอกว่ามันมีเยอะเกินก็เลยเค้าไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเหมือนกันนะซิ ที่นี้เค้าแบ่งชนิดของแอปเปิ้ลนะค่ะมีหลากหลายชนิดเลยทีเดียว อย่างที่บ้านพ่อแม่แฟนคลับออกลูกดกมากๆ เวลาไปบ้านท่านพ่อแฟนคลับมักจะเก็บใส่ถุงให้ประจำ ครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ แต่นกไม่คิดเลยว่าจะเก็บใส่ถุงให้เต็มถุงเทสโก้สีน้ำเงินน ประมาณ 5-6 กก. ได้มั่งค่ะ หลังจากใช้ทำเป็นไส้พายเสร็จแล้ว นกก็แบ่งเอามาทำทำแยมอีกส่วนหนึ่ง ยังหรืออีกส่วนเก็บเอาไว้ปรุงอาหารอื่น



ส่วนผสม
แอปเปิ้ล 2 กก
น้ำตาลทราย 1/2 กก
น้ำมะนาว 1/2 ลูก
เกลือป่น พอประมาณ

วิธีทำ
1. เอาน้ำใส่ลงให้หม้อ หรือภาชนะใบใหญ่ เติมเกลือป่นลงไปพอประมาณ แล้วคนให้เกลือละลาย หั่นปอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ล คว้านไส้ และเม็ดออก จากนั้นนำลงแช่ลงในน้ำเกลือที่เตรียมไว้
2. นำแอ๊ปเปิ้ลที่แช่น้ำเกลือ มาหั่นซอย แล้วสับละเอียดตามชอบ (พยายามให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้)พักไว้
3. เอาแอ๊ปเปิ้ลที่หั่นเตรียมไว้ เทใส่ลงหม้อ หรือกระทะ ยกขึ้นตั้งเตาไฟใช้ไฟอ่อน ให้เนื้อแอ๊ปเปิ้ลสุกนิ่ม โดยใช้ไม้พายกวนไปมา กดบี้เนื้อให้เละ (พยายามกวนให้ทั่วถึงกัน แต่ไม่ต้องกวนบ่อยนะค่ะ)
4. พอเนื้อแอปเปิ้ลสุกนิ่มดีแล้วใส่น้ำตาลลง กวนจนกระทั้งน้ำตาลละลายเข้ากันดีกับเนื้อแอปเปิ้ล ใส่น้ำมะนาวลงไป ชิมรสตามชอบ กวนต่อไปจนกระทั้งน้ำงวดแห้ง (ต้องกวนอยู่ตลอดเวลา)เสร็จแล้วนำบรรจุขวดที่ต้มฆ่าเชื้อไว้แล้ว ปิดฝาขณะที่แยมยังร้อนอยู่
5.นำขวดแยมไปต้มในน้ำร้อนอีกประมาณ 30-45 นาที ครบกำหนดยกขวดออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เสร็จแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นเท่านี้ก็ได้แยมอร่อยแล้วละค่ะ

***แยมที่นกทำสามารถเก็บไว้ได้เป็นเดือนเลยที่เดียวค่ะ เรื่องของความหวานของแยม ถ้าเพื่อนๆ ชิมรสแล้วอยากให้แยมมีรสหวานอีก เพิ่มน้ำตาลลงไปได้นะค่ะ ของนกไม่ได้เพิ่มน้ำตาลเพราะแอปเปิ้ลไม่เปรี้ยเลยไม่ได้เพิ่มน้ำตาล แต่ถ้าแอปเปิ้ลของเพื่อน ๆ มีรสเปรี้ย ไม่ต้องเพิ่มน้ำมะนาวนะค่ะ เพราะมันเปรี้ยอยู่แล้ว วันนี้นกได้แยมประมาณ 4 ขวด แต่นกใส่ขวดไว้ 3 ขวดที่เหลือเอาไปทำขนมอบ และนี้ก็เป็นแอปเปิ้ลที่พ่อแฟนคลับให้มาค่ะ***



ส่วนนี้ก็เป็น Apple Lattiec Pies ไส้แยมค่ะ




เต้าคั่ว/ท่าวคั่ว/เปรี้ยวหวาน/สลัดทะเลสาบ

วันนี้นกทำเมนูอาหารพื้นเมือง บางคนอาจรู้จักหรือชิมมาบ้างแล้ว แต่ถ้าไม่ใช้คนใต้จริงๆ คงไม่รู้จักเมนูนี้แน่นนอน เต้าคั่ว หรือท่าวคั่ว ในแต่ละที่อาจจะเรียกไม่เหมือนกัน อย่างที่สตูลเค้าจะเรียกเมนูนี้ว่า ปัสสะมอต ที่สุราษร์ฯ จะเรียกว่าผักบุ้งไต่ราว แต่ถ้าเป็นของอิสลามเค้าจะเรียกว่ารอเยาะ แตกต่างกันตรงที่น้ำราดเพราะที่มีส่วนผสมของกระทิ ส่วนอย่างอื่นเหมือน ๆ กันค่ะ เต้าคั่วเป็นเมนูื้พื้นเมืองที่หาซื้อได้ง่าย ซึ่งเป็นเมนูที่ขายตามร้านข้าวยำ-ขนมจีน ตลาดนัด และร้านน้ำชา แต่จะหาร้านที่อร่อยถูกใจค่อยข้างยากที่เดียว เต้าคั่วนิยมทานเป็นอาหารหลักสามารถทานได้ทุกเวลา ที่บ้านแม่นกชอบซื้อมาให้เวลาไปตลาดเสาร์-อาทิตย์นะค่ะ เต้าคั่วเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบครันเลยที่เดียวแถมราคาไม่แพงอีกด้วย



ส่วนผสมกุ้งทอด
กุ้งขนาดเล็ก 100 กรัม
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
น้ำปูนใส 1 ชต
เกลือ หยิบมือ
น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย (ในที่ละน้อยคนให้แป้งเข้ากันพอผสมกุ้งทอดได้)

วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวเจ้า น้ำปูนใส น้ำเปล่า และเกลือ ผสมให้เข้ากัน
2. นำกุ้งตัวเล็กใส่ลงในแป้งที่เตรียมไว้ แล้วตักทอดในกระทะจนสุกเหลืองกรอบ หั่นเป็นชิ้นพอคำพักไว้

ส่วนผสมน้ำราด
น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
น้ำปลา 3 ชต

วิธีทำ ผสมทุกอย่างรวมกัน จากนั้นนำขึ้นตั้งบนเตาต้มให้เดือดยกลงจากเตาพักไว้
ส่วนผสมพริกน้ำส้ม
พริกขี้หนูสด ตามชอบ
กระเทียม 5-6 กลีบ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู ตามชอบ (นกใส่ให้พอมีน้ำขลุกขลิก)

วิธีทำ ล้างพริกขี้หนูให้สะอาดพักให้สะเด็ดน้ำ นำไปโขลกรวมกับเกลือป่น และกระเทียม โขลกให้ละเอียดตามชอบ จากนั้นตักใส่ถ้วย เทน้ำส้มสายชูลงไป คนให้เข้ากันดีเป็นอันใช้ได้



ส่วนผสมเต้าคั่ว
เส้นหมี่ขาวลวก 1 ห่อเล็ก
หมูต้มสุกหั่นบางๆ 1 ถ้่วย
กุ้งทอดหั่นชิ้น 1 ถ้วย
ไข่ต้มแบบยางมะตูม 2 ฟอง
ถั่วงอกลวก 1 ถ้วย
ผักบุ้งหั่นเป็นท่อนเล็กๆลวก 1 ถ้วย
แตงกวาหั่นบางๆ 1 ถ้วย
เต้าหู้แข็งทอดหั่นเป็นชิ้น ๆ 1 ถ้วย

วิธีทำ จัดเส้นหมีลวกใส่จาน ใส่ผักต่างๆลงไป ตามด้วยเต้าหู้ กุ้งทอด หมูหั่นชิ้น และไข่ต้มผ่าครึ่งลูก จัึดเครื่องทุกอย่างวางไว้ข้าง ๆ จากนั้นตักน้ำราด และพริกน้ำส้ม ใส่ในถ้วย เวลาทานให้ตัดน้ำราดและพริกน้ำส้มลงไปคลุกให้เข้ากันเท่านี้ก็อร่อยแล้วละค่ะ

มะเขือเทศแช่อิ่มแห้ง/มะเขือเทศเชื่อมแห้ง

นกตั้งหัวเรื่องเอาไว้หลายวันแล้วละค่ะว่าจะเขียนสูตรและโพสให้เสร็จ พอสูตรเขียนเสร็จ ดันไม่ได้ถ่ายรูป หยิบกินเพลินลืมถ่ายตอนเสร็จ เลยต้องคอยทำครั้งใหม่ครั้งนี้ทำเสร็จแล้ว คอยให้มะเขือเทศแห้งสนิท ถ่ายรูปเสร็จก็เอามาลงเสียเลย อย่างที่นกบอกค่ะว่ามีมะเขือเทศที่พ่อแม่ปลูกเอาไว้มีเยอะจริงๆ อยู่กันสองคนปลูกเยอะๆกินไม่ทัน นกเลยได้มะเขือเทศจากสวนพ่อแม่มากินที่บ้านทุกครั้งที่ไปหาเช่นกัน นกเลยต้องหาเมนูมาจัดการกับเจ้ามะเขือเทศ เพื่อไม่ให้เสียของก่อนที่มันจะเน่าคาต้นเสียหมด มะเขือเทศแช่อิ่มแห้ง อยู่เมืองไทยเห็นตามงานเกษตร ซื้อกินแล้วถูกใจในรสชาติ ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าอยู่มาวันหนึ่งได้มีโอกาสทำกับเค้าด้วย หลายๆ อย่างอยู่เมืองไทยของกินบางอย่างซื้อหาได้สะดวกไม่ต้องทำให้ยุ่งยาก แต่พอมาอยู่ต่างแดนถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน อย่างเจ้ามะเขือเทศแช่อิ่มแห้งที่นกทำพ่อแม่แฟนคลับชอบมาก ๆ เลยที่เดียว ครั้งก่อนทำไปฝากท่านทั้งสองครึ่งกิโล พ่อบอกว่ากินเล่นสองสามวันหมดกล่องโดยไม่รู้ตัว คริ ๆ สงสัยคงต้องชอบเอาจริงๆ เลยละค่ะ เพื่อน ๆ ฝรั่งที่นกเอาไปให้ชิมก็ชอบ มีเพื่อนคนหนึ่งไม่ชอบกินมะเขือเทศเท่าไรพอได้ชิมเข้าก็บอกว่าอร่อยดี นกดีใจนะค่ะที่เมนูไทย ๆ ทำแล้วฝรั่งต่างชาติชื่นชอบ



มะเขือเทศเชอร์รี่ ประมาณ 1 กก
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/2 ซีก
น้ำปูนใส 2 ถ้วย


วิธีทำ
1. ล้างมะเขือเทศเชอร์รี่ให้สะอาด ผึ่งไว้พอแห้ง จากนั้น ใช้มีดคม ๆ กรีดข้าง ๆ ผลแต่ละลูกกรีด(อย่าให้ขาด) 4-5 แฉก แล้วใช้สันมือกดเบาๆให้เมล็ดข้างในไหลออกมา ทำเช่นนี้จนหมดมะเขือเทศ
2. นำมะเขือเทศที่เตรียมไว้ ไปแช่ในน้ำปูนใส กะให้น้ำปูนใสท่วมมะเขือเทศ ใช้มือกดเบา ๆ ให้น้ำปูนใส่ท่วมมะเขือเทศ แช่ในน้ำปูนใส นานประมาณ 1-2 ชม
3. เมื่อครบกำหนดเวลา นำมะเขือเทศขึ้นบีบส่ายเขย่าเบา ๆ ทีละลูก นำเอามาวางพักให้แค่พอสะเด็ดน้ำ
4. นำมะเขือเทศลงในกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟลอน ใส่น้ำตาลลงไปในกระทะมะเขือเทศ เปิดไฟกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวให้น้ำตาลละลาย เชื่อมจนกว่าน้ำเชื่อมจะงวดเหนียว จากนั้นบีบน้ำมะนาวใส่ลงไปในกระทะมะเขือเทศ ใช้ช้อนตักขึ้นทีละลูก นำเรียงบนตะแกรงนำไปตากแดดจนแห้งสนิท เก็บใส่ขวดหรือใส่กล่อง ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้กินเล่นหรือจะใช้ทำขนมคุ๊กกี้เค้กแล้วแต่จะชอบได้เลยค่ะ

***มะเขือเทศแช่อิ่มแห้งสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือนเลยละค่ะ ที่บ้านเก็บไว้ไม่ถึงเดือนหลอกค่ะนกหยิบกินเล่นไม่กี่วันก็หมด ครั้งนี้กะไว้ว่าจะไม่หยิบกินเล่นทำเสร็จแล้วจะเก็บเอาไว้ใช้ทำขนมไม่รู้จะได้ไม่นะเนี้ย กลัวหยิบกินจนลืมเหมือนครั้งก่อนอีก นึกขึ้นได้ไม่พอใช้ทำขนมเสียอีก***


ซอสมะเขือเทศ

วันนี้นกทำซอสมะเขือเทศอีกรอบแล้วละค่ะ แต่รอบนี้คงเป็นมะเขื่อเทศรุ่นสุดท้ายที่เก็บพร้อมกับความหนาวที่กำลังเข้ามาเยือน มะเขือเทศทั้งหมดนี้ปลูกที่บ้านพ่อแม่แฟนคลับซึ่งแต่ละปีพ่อแม่จะช่วยกันปลูก มีอยู่สองสามชนิด โดยเฉพาะลูกโต ๆ เหมือนกับฟักทองแม่จจะปลูกไว้หลายสิบต้นเลยที่เดียว เรียกว่าเยอะมากๆ ก็ว่าได้ค่ะ ขนาดว่าเก็บกินสด ใช้ประกอบอาหารแล้วก็ยังมีเหลืออีกเยอะ นกเลยเก็บมาทำซอสมะเขือเทศเสียเลย จริง ๆ แล้วซอสมะเขือเทศที่ขายอยู่ตามซุปเปอร์ราคาไม่แพงหรอกนะค่ะ แต่ถ้าเรามีวัตถุดิบอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อหาให้เปลืองเงิน เอาวัตถุดิบที่เรามีมาแปลงสภาพนกคิดว่ามันก็คุ้มค่าดีเพื่อน ๆ ว่าไม่ค่ะ ปีนี้นกทำซอสมะเขือเทศ 3 รอบแล้วค่ะ ปีที่แล้วอากาศดีกว่าปีนี้มะเขือเทศออกเยอะเก็บทำซอสได้ตั้ง 5 รอบ เห็นพ่อแฟนคลับบอกว่าปีนี้อากาศไม่ค่อยจะดีนะค่ะ สำหรับนกไม่เป็นไรค่ะมีเท่าไรก็ก็ทำเท่านั้น



ส่วนผสม
มะเขือเทศสุก 1 กก
หอมใหญ่ 1/2 หัว
กระเทียม 7-8 กลีบ
พริกแดงผ่าเม็ดออก 1 เม็ด
กานพลู 2-3 ดอก
อบเชย 1 ชิ้น (ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว)
น้ำตาลทราย ตามชอบ
เกลือป่น หยิบมือ
น้ำสมสายชู ตามชอบ (นกใช้ไปชิมไปให้ออกรสเปรี้ยวนิด ๆ)
พริกไทยป่น หยิบมือ

วิธีทำ
1. นำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ตามชอบ หั่นหอมหัวใหญ่ พริก และกระเทียมใส่ลงในหม้อ
2. เอาหม้อขึ้นตั้งบนเตาเปิดไฟค่อนข้างอ่อน ตั้งไฟเคี่ยวจนนุ่ม
3. เมื่อส่วนผสมนุ่มได้ที่ ปิดไฟในเตา ยกออกมาวางพักไว้ให้เย็น เมื่อเย็นแล้วก็นำไปปั่นให้ละเอียด กรองเอาแต่เนื้อ ส่วนกากที่เหลือให้เททิ้งไป
4. นำเนื้อที่กรองแล้วไปเคี่ยวให้งวดสักนิดหน่อย จากนั้นโรยพริกไทยป่น น้ำส้มสายชู กานพูล อบเชย (เครื่องเทศต้องห่อผ้าขาวผูกให้เรียบร้อยแล้วจึงเอาลงต้ม) น้ำตาลทราย และเกลือ ชิมรสตามชอบ จากนั้นเคี่ยวต่อให้งวดจนเหมือนกับซอส
5. เตรียมขวดล้างต้มฆ่าเชื้อเสียก่อน จากนั้นตักซอสขณะยังร้อน ๆใส่ขวดปิดฝาให้แน่นทิ้งไว้ให้เย็นจากนั้นเอาเข้าตู้เย็นได้เลยค่ะ

***ซอสมะเขือเทศที่ทำสามารถเก็บไว้นานประมาณ 1 เดือน ของนกทำทีหนึ่งได้ประมาณสองขวด เดือนหนึ่งกินหมดไม่เหลือ จริงๆ แล้วหมดก่อนหนึ่งเดือนเสียอีก อยากบอกว่าแฟนคลับชอบนะค่ะ แต่ถ้านกทำไปฝากพ่อแม่แล้วก็จะไม่ผสมเครื่องเทศ กระเทียม และพริกลงไปนะค่ะ เพราะท่านทั้งสองไม่ชอบใส่แต่หอมอย่างเดียวก็อร่อยเช่นกันค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ชอบก็ไม่ต้องใสก็ได้นะค่ะ สำหรับซอสมะเขือเทศของนกจะมีรสเผ็ดนิดๆ ไม่มากค่ะ เด็ก ๆ กินได้ไม่ต้องกังวลนะค่ะ ***


น้ำพริกแคบหมู

ช่วงนี้มีเวลานกเลยจัดการสะสางเมนูที่ค้างคาในครัวไปหลายเมนูเลยละค่ะ นี้ก็อีกเมนูที่ค้างไว้นานแล้ว จะว่าไปแล้วนอกจาก น้ำพริกกะปิ น้ำพริกหนุ่มที่ชอบกินอยู่บ่อยๆ นกยังมีอีกหนึ่งน้ำพริกที่ทำเป็นประจำเช่นกัน คือ น้ำพริกแคปหมู ถือว่าเป็นน้ำพริกอีกถ้วยที่นกชอบ และทำบ่อยกว่าน้ำพริกกะปิ เพราะเวลาทำไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นกะปิ ไม่ต้องเปิดหน้าต่างให้กลิ่นกะปิกระจาย เพื่อนบ้านไม่ต้องมองหาต้นต่อของกลิ่นว่ามาจากไหน แถมเครื่องปรุงสำหรับนกก็หาง่ายสุด ๆ หนังหมู 1 แพ็ค เอามาทำแคปหมูได้น้ำพริกถ้วยใหญ่เลยละค่ะ แคปหมูถ้าเก็บไว้นาน ๆ ก็จะมีกลิ่นหืนของน้ำมัน หลังจากได้แคปหมูมาแล้วนกก็จะตำน้ำพริกทันที่เลยค่ะ ว่าแล้วมาดูส่วนผสมของน้ำพริกกันเลยดีกว่า



ส่วนผสม
แคบหมู 1 ถ้วย
พริกสด ตามชอบ (วันนกใช้พริกหลาย ๆ อย่างรวมกันค่ะ)
กระเทียม 10-20 กลีบ
หอมแดง 5-6 หัว
เกลือ 1/2 ชต

วิธีการทำ
1. ตำแคบหมูให้ละเอียดตามชอบพักไว้
2. นำพริก กระเทียม หอมแดง นำไปย่างไฟให้หอม
3. นำพริก กระเทียม หอมแดงที่ย่างไว้ โขลกรวมกับเกลือให้ละเอียด
4. เอาแคปหมูทีโขลกไว้มาผสมรวมกันน้ำพริก โขลกให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบตักใส่ถ้วยยกเสริฟคู่กับผักสด หรือผักลวกได้เลยค่ะ

***วันนี้นกใช้พริกหลากหลายเก็บสด ๆ จากต้นเลยละค่ะ น้ำพริกแคปหมูวันนี้เอาเผ็ดเค็มเข้าว่าค่ะ คลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยจริงๆ นี้เป็นพริกที่นกปลูกไว้ปีนี้ค่ะ***






ไข่เจียวเบคอน

นกเคยลงสูตรไข่เจียวหอยแมงภู่ มาก่อนหน้านี้แล้วค่ะ วันนี้เปลี่ยนจากหอยแมงภูมาเป็นเบคอนสูตรคล้าย ๆกันค่ะ แต่ต่างกันตรงที่ไข่เจียวเบคอนไม่ใส่เกลือ น้ำปลา หรือซี้อิ้วแต่อย่างไร เพราะเบคอนมีรสเค็มอยู่แล้ว ใส่อีกจะทำให้ไข่เจียวมีรสเค็มมากขึ้นนะค่ะ




วิธีทำ
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ต้นหอมหั่นหยาบ 2 ต้น
เบคอนหั่นสี่เหลี่ยวลูกเต๋าขนาดเล็ก 250 กรัม
พริกสดหั่นหยาบ ตามชอบ (ถ้าไม่ชอบเผ็ดก็ไม่ต้องใส่)
หอมแดงซอยบาง 2-3 หัว
น้ำมันพืช สำหรับทอด
ซอสมะเขือเทศหรือซ๊อสพริก หรือพริกน้ำปลา ตามชอบ

วิธีทำ
1.ตอกไข่ลงในชามตีจนเข้ากัน ใส่ต้นหอม พริกสด หอมแดง และเบคอน คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี พักไว้
2.ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำขึ้นตั้งบนเตาใช้ไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อน จากนั้นนำไข่ลงไปในกระทะ ทอดจนกระทั่งเหลืองหอมและสุกทั่วทั้งสองด้าน จากนั้นตักใส่จาน ยกเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และซอสมะเขือเทศหรือซ๊อสพริก หรือพริกน้ำปลา ตามชอบได้เลยค่ะ


แกงส้มเปลือกแตงโมกับกุ้ง

ถ้าจะพูดไปแล้วแตงโม เป็นผลไม้ยอดฮิตติดอันดับผลไม้ในหน้าร้อนเลยทีเดียว เอาแช่ตู้เย็นกินเย็น ๆ อร่อยดีทีเดียวค่ะ แตงโมที่นี้ถ้าเทียบราคากับบ้านเราแล้วแพงที่เดียวค่ะ แถมเปลือกนี้หนาเอามากๆ เลยละค่ะ เวลาซื้อมากินเนื้อแดงเสร็จแล้ว เปลือกไม่ทิ้งค่ะ เอามาแกงส้มต่อ เพื่อให้มันคุ้มค่ากับราคาที่แสนจะแพง ถ้าจะพูดไปแล้วแตงโมบ้านเราอร่อยกว่าเยอะค่ะ แถมหวานอีกต่างหาก




ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกขี้หนูสด/แห้ง ตามชอบ (วันนี้นกใช้พริกขี้หนูสดประมาณ 20-25 เม็ด)
เกลือ1 ชช
หอมแดง 2 หัว
กระเทียม 4-5 กลีบ
ขมิ้นสด 1 แง่ง (นกไม่มีใช้ขมิ้นผง 2 ชช)
เกลือ1 ชช
กะปิ 2 ชช
น้ำตาลปีบ 2 ชช

วิธีทำ
นำส่วนผสมมาโขลกรวมกันยกเว้นกะปิ และน้ำึุตาลปีบ จากนั้นโขลกให้ละเอียดตามชอบ ใส่กะปิและน้ำตาลปีบ โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วพักไว้

ส่วนผสมแกงส้ม
กุ้งสดประมาณ 300 กรัม
เปลือกแตงโมหั่นชิ้นพอคำ ประมาณ 2 ถ้วย
เครื่องแกงส้ม 1 1/2 ชต
น้ำมะขามเปียก ตามชอบ
น้ำปลา ตามชอบ

วิธีทำ
1. นำกุ้งมาแกะเปลือกออก ผ่าหลัง ดึงเส้นดำออก พักไว้
2. นำเครื่องแกงที่ได้ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป คนให้ทั่วแล้วนำไปตั้งเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเครื่องแกงที่ได้ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป คนให้ทั่วแล้วนำไปตั้งเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง
3 .น้ำแกงเดือดใส่ แตงโมลงไปต้มสักพัก ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลาและน้ำตาล ชิมรสชาติให้มีความเปรี้ยว เค็ม เผ็ด จากนั้นใส่กุ้งลงไปรอซักพักจนกุ้งเริ่มสุกจึงคนให้เข้ากัน ปิดไฟในเตาอักใส่ชามยกเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนได้เลยค่ะ

***แกงส้มเปลือกแตงโมวันนี้มีเมนู เคียงข้างเป็นไข่เจียวเบคอน สำหรับนกแล้ว คิดถึงแกงส้มเปลือกแตงโมฝีมือแม่ที่สุดเลยค่ะ แม่มักจะทอดปลาทูเค็มแดดเดียวให้ด้วย คิดถึงปลาทูเค็มจริงๆ เลย***





น้ำพริกหนุ่ม สูตรใส่น้ำปลา

น้ำพริกเมืองเหนือ นกนำมาฝากเพื่อนๆ ชาวครัวค่ะ น้ำพริกหนุ่มเป็นน้ำพริกที่นกทำกินบ่อยครั้ง ยิ่งหน้าร้อนมีพริกที่ปลูกเองติดบ้านเรียกว่ากินกันทุกวันก็ว่าได้ค่ะ ส่วนใหญ่นกจะกินกับแครปหมู ไข่เจียว หรือไม่ก็ปลานึ่ง แค่นี้ก็อร่อยอิ่มท้องแล้วละค่ะ





ส่วนผสม
พริกหยวกเขียว 15 เม็ด (พริกหนุ่ม)
กระเทียม 10 กลีบ
หอมแดง 5 ลูก
น้ำปลา เล็กน้อย (ใส่ให้มีกลิ่นหอมๆ)
เกลือป่นตามชอบ (นกใส่ชิมไป)
ผักสดเครื่องเคียง

วิธีทำ
1  นำพริก กระเทียม หอมแดงย่างให้สุก จากนั้นลอกเปลือกออก 
2. นำพริก กระเทียมและหอมแดที่ย่างลงโขลกให้ละเอียดตามชอบ ปรุงรสด้วยเกลือป่นชิมรสตามชอบ ตัดใส่ถ้วยเสริฟคู่กับผักเครื่องเคียง ตามชอบ ได้เลยค่ะ


ไข่เจียวหอยแมงภู่

พูดถึงไข่เจียว เมนูง่าย แต่เต็มไปด้วยความอร่อย นกว่าน้อยคนนักที่จะพูดว่าไม่ชอบไข่เจียว หลาย ๆ คนเวลาหิวอยากจะได้เมนูอะไรที่เร็ว ๆ ง่ายในการทำมักจะจบลงที่ไข่เจียว นกเองก็เป็นคนหนึ่งที่ทำอย่างนั้นเช่นกันค่ะ หรือไม่ก็ทำเป็นเมนูเสริฟคู่กับอาหารอย่างอื่น


วิธีทำ
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ต้นหอมหั่นหยาบ 2 ต้น
หอยแมงภู่ 250 กรัม
เกลือ หยิบมือ
พริกสดหั่นหยาบ ตามชอบ (ถ้าไม่ชอบเผ็ดก็ไม่ต้องใส่)
หอมแดงซอยบาง 2-3 หัว
น้ำมันพืช สำหรับทอด
ซอสมะเขือเทศหรือซ๊อสพริก หรือพริกน้ำปลา ตามชอบ

วิธีทำ
1.ตอกไข่ลงในชามตีจนเข้ากัน ใส่ต้นหอม เกลือ พริกสด หอมแดงและหอยแมงภู่ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี พักไว้
2.ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำขึ้นตั้งบนเตาใช้ไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อน จากนั้นนำไข่ลงไปในกระทะ ทอดจนกระทั่งเหลืองหอมและสุกทั่วทั้งสองด้าน จากนั้นตักใส่จาน ยกเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และซอสมะเขือเทศหรือซ๊อสพริก หรือพริกน้ำปลา ตามชอบได้เลยค่ะ




***นกติดนิสัยถ้าทอดไข่เจียวมักจะหั่นพริกลงไปด้วยทุกครั้ง และนี้เป็นเมนูไข่เจียวหอยแมงภู่ที่นกทอดเป็นเครื่องเคียงคู่กับน้ำพริกหนุ่มค่ะ***

ปีกไก่ย่าง


ส่วนผสม
ปีกไก่ 10-12 ปีก
กระเทียม 8-10 กลีบ
รากผักชี 3-4 ราก
พริกไทยป่น 2 ชช
เกลือ 1 ชช
น้ำมันงา 1 ชช
น้ำมันหอย 1 ชต
ซีอิ๊วขาว 1 ชต
น้ำตาลทราย ตามชอบ
เหล้าจีน 1 ชต

วิธีทำ
1. นำปีกไก่มาล้างน้ำให้สะอาดพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. โขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทย เกลือให้ละเอียด คลุกกับไก่ให้เข้ากัน
3. ผสมซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย น้ำมันหอย น้ำมันงา เหล้าจีน ลงไปในไก่ จากนั้นคนให้เข้ากัน
4. นำปีกไก่หมักทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปย่างให้สุกเหลือง

***น้ำตาลทรายใส่มากน้อยแล้วแต่จะชอบให้ไก่ออกรสหวานมากน้อยเท่าไรนะค่ะ ส่วนน้ำจิ้มแล้วแต่จะชอบกันค่ะ จะเป็นจิ้มแจ๋ว น้ำจิ้มหวาน แล้วแต่จะเลือกกันนะค่ะ ของนกวันนี้นกมีข้าวเหนียวกับน้ำพริกเผาน้ำจิ้มรสเผ็ดสูตรนกเองจ้า จานนี้ของนก ส่วนของแฟนคลับไก่ย่างอย่างเดียวค่ะ
***


ข้าวเหนียวเปียกลิ้นจี่

ถ้าพูดถึงขนมแล้วที่บ้านจะทำขนมอบของฝรั่งมากกว่าขนมหวานไทยเสียอีกค่ะ จริง ๆ แล้วนกชอบขนมหวานของไทยนะค่ะ แต่นั้นละเมนูนานๆ ทำสักที่ เหตุเพราะทำที่ไรกินคนเดียว กว่าจะหมดรู้เบื่อเสียก่อน ทำนิด ๆ แล้วก็ยังดูว่าเยอะสำหรับหนึ่งคนอยู่ดี นี้ถ้าอยู่เมืองไทย เดินไปร้านขายข้าวแกงข้างบ้านก็ได้ขนมหวานมากินแล้ว หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ไปตลาดมีให้เลือกหลายๆ เมนูนี้จริงๆ แล้วต้องเป็นลำไย แต่ไม่มีลำไยนกเลยใช้ลิ้นจี่แทน เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนชอกกินขนมหวานค่ะ









ส่วนผสมข้าวเหนียวเปียก
ข้าวเหนียวสุก 1 ถ้วย
น้ำตาล ตามชอบ (นกใส่ประมาณ 1/4 ถ้วย)
เกลือป่น หยิบมือ
ลิ้นจี่ 1 กป
น้ำเปล่า 1 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำข้าวเหนียว น้ำ และน้ำเชื่อมลิ้นจี่ใส่ลงในหม้อคนผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นนำหม้อตั้งเตาเปิดไฟที่ปานกลาง คอยคนอย่าให้ข้าวติดก้นหม้อ
2.พอข้าวเหนียวเริ่มเดือดใส่น้ำตาลและเกลือลงไป คนให้เข้ากัน ชิมรสหวานตามชอบ ถ้าหวานไม่พอให้เติมน้ำตาลลงไปได้อีก จากนั้นใส่ลิ้นจี่ลงไป แล้วก็คนให้เข้ากันดี รอเดือดอีกครั้ง เป็นอันใช้ได้ ตักใส่ถ้วยราดน้ำกะทิยกเสริฟได้เลยค่ะ

***วันนี้นกไม่ได้ทำหน้ากะทิราด เพราะไม่ชอบแบบราดน้ำกะทิ แต่ถ้าเพื่อนๆ ชอบราดน้ำกะทิ จะทำน้ำกะทิไว้ราดนกก็มีสูตรให้ไว้เช่นกันค่ะ ***

ส่วนผสมหน้ากะทิสำหรับราด
หัวกะทิ 1 กป.
เกลือ หยิบมือ

วิธทำ เอาหัวกะทิและเกลือ ลงในหม้อต้มใบเล็ก ใช้ตะกร้อมือคน ๆ ให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งบนเตาใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนให้เข้ากัน หมั่นคนกะทิในหม้อเรื่อยๆ จนกะทิข้นเป็นอันใช้ได้ค่ะ



ต้มไก่ผักกาดดอง

ช่วงนี้ที่บ้านฝนตก อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นทุกวันเลยละค่ะ หนาวๆแบบนี้ต้องทำซุปไว้ซดแก้หนาวกันค่ะ อย่างวันนี้ก็เป็นต้มจืดผักกาดดองนะค่ะ ครั้งก่อนไปซื้อของที่ร้านจีนซื้อมาสองกระป๋อง แกงส้มไปแล้วหนึ่งกระป๋อง นี้เป็นกระป๋องสุดท้าย ยังเหลืออีกเดือนกว่า ๆ ถึงจะได้ซื้อที่ร้านจีนอีกครั้ง ถ้าไปอีกครั้งนี้คงต้องซื้อเพิ่มอีกสักกระป๋อง เพราะดูแล้วสามกระป๋องครบรอบซื้อครั้งใหม่พอดี



ส่วนผสม
ผักกาดดองขนาดใหญ่ 1 กป
เนื้อไก่ ตามชอบ (นกใช้เนื้อน่องติดสะโพก 1ชิ้น)
รากผักชี 1-2 ราก
กระเทียมทุบ 2-3 กลีบ
น้ำเปล่า ตามชอบ
เกลือป่น เล็กน้อย

วิธีทำ
1.นำไก่มาทำความสะอาด สับเป็นท่อน ๆ ขนาดพอคำพักไว้
2.เปิดไฟในเตาค่อยข้างแรง เอาน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ใส่กระเทียมทุบ รากผักชี และเกลือป่นเล็กน้อย
3.ระหว่งคอยน้ำเดือด เตรียมผักกาดดอง เปิดฝาผักกาดดองกระป๋อง เทน้ำผักออกแยกไว้ต่างหาก จากนั้นนำใจผักมาหั่นรอไว้
4.น้ำเดือดเอาไก่ลงไปต้มระหว่างต้มหมั่นช้อนฟองออก
5.พอไก่เริ่มสุก ให้เติมน้ำผักกาดดองลงไปและตามด้วยเนื้อผักกาดดองที่หั่นไว้ คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ (รสชาติจะต้องออก เปรี้ยว หวาน เค็ม) จากนั้นต้มเคี่ยวต่อประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วปิดไฟในเตาตักใส่ชามยกเสริฟได้เลยค่ะ

***ชอบน้ำชุปออกหวานมากหน่อยก็เพิ่มน้ำตาลลงไปสักนิดก็ได้ค่ะ สำหรับนกชอบออกรสเค็มเยอะหน่อยเลยไม่ได้ใส่นะค่ะ***

แกงส้มหน่อไม้ดองกับไก่

ส่วนใหญ่เวลานกทำแกงส้มหากมีเวลาไม่รีบร้อน นกจะโขลกเครื่องแกงเอง นกว่ามันได้รสชาติความอร่อย อีกทั้งส่วนผสมก็ไม่เยอะเหมือนเครื่องแกงอื่น ๆ ใช้เวลาไม่มากนะค่ะ



ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกขี้หนูสด/แห้ง ตามชอบ (วันนี้นกใช้พริกขี้หนูสดประมาณ 20-25 เม็ด)
เกลือ1 ชช
หอมแดง 2 หัว
กระเทียม 4-5 กลีบ
ขมิ้นสด 1 แง่ง (นกไม่มีใช้ขมิ้นผง 2 ชช)
เกลือ1 ชช
กะปิ 2 ชช
น้ำตาลปีบ 2 ชช

วิธีทำ
นำ ส่วนผสมมาโขลกรวมกันยกเว้นกะปิ และน้ำึุตาลปีบ จากนั้นโขลกให้ละเอียดตามชอบ ใส่กะปิและน้ำตาลปีบ โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วพักไว้

ส่วนผสมแกงส้ม
เนื้อไก่หั่นชิ้นพอคำ ตามชอบ
น้ำพริกแกงส้ม 2 ชต
หน่อไม้ดอง 1 กป
น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
น้ำปลา ตามชอบ

วิธีทำ
1 .หน่อไม้ดองนำมาให้หมดกลิ่นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. เอาน้ำใส่หม้อใส่น้ำพริกแกงส้มลงไป ละลายให้เข้ากัน ต้มไปจนกระทั้งน้ำแกงเดือด
3. น้ำแกงเดือดก็ใส่เนื้อไก่ลงไปรอให้น้ำแกงเดือดอีกรอบใส่หน่อไม้ดอง น้ำมะขามเปียก น้ำปลา คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4. ทิ้งให้แกงเดือดอีกสักพักปิดไฟในเตา ตักใส่ถ้วยยกเสริฟได้เลยค่ะ

***แกงส้มหน่อไม้ดองวันนี้มีไข่ไก่เค็มเป็นอาหารคู่ เค็มได้ที่ค่ะ นี้เป็นสองใบสุดท้าย ไข่ไก่เค็มจะใช้เวลาดองนานกว่าไข่เป็ด วิธีการดองเหมือนกันเพียงแต่ระยะเวลาต้องให้เวลาไข่ไก่นานกว่าไข่เป็ดประมาณ อาทิตย์นะค่ะ


แกงคั่วขนุนอ่อนกับกุ้ง

นกทำเมนูอาหารปักษ์ใต้ที่เรียกว่าแกงคั่วค่ะ มีเพื่อนๆ ถามนกว่า "แกงคั่วกับแกงเผ็ดต่างกันตรงไหน" นกได้สอบถามผู้รู้ คือแม่ที่บ้านมาให้แล้วละค่ะ คำตอบคือมันต่างกันที่เครื่องเทศนะค่ะ ถ้าเป็นแกงคั่วแล้วจะไม่มี ลูกผักชี ยี่หร่ามาผสม ส่วนผสมอย่างอื่นจะเหมือนแกงเผ็ดทุกประการนะค่ะ แกงคั่วลูกขนุนอ่อนๆ ของนกวันนี้เป็นขนุนอ่นนในน้ำเกลือค่ะ มันไม่สด แต่ก็ถือว่าใช้ได้ละค่ะ นกซึ้อมาจากร้านขายของเอเซีย มันบรรจุอยู่ในขวด ครั้งก่อนซื้อมาลองทำตำขนุนแล้วเข้าที่ คราวนี้เลยซื้อมาแกงดูอีกครั้ง




ส่วนผสมพริกแกงคั่ว
ตะไคร้ 2-3 ต้น
พริกขี้หนูแห้ง ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 15-20 เม็ด)
พริกขี้หนูสด ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 10 เม็ด)
กระเทียม 5-6 กลีบ
หอมแดง 2 หัว
ขมิ้นผง 2 ชช
พริกไทยเม็ด 1 ชช
เกลือป่น 1 ชช
กะปิ 2 ชช

ส่วนผสมแกงคั่วขนุน
กุ้งสด ตามชอบ
ขนุนอ่อน 1 ถ้วย
กะทิ 1 กป (แยกหัว กะทิ หางกะทิออก)
น้ำปลา 1 ชต
นำตาลปีบ 1 ชช
น้ำพริกแกงคั่ว 1 ชต

วิธีทำ
1.โขลกพริกขี้หนูสด/แห้งกับเกลือให้ละเอียด ใส่ตะไคร้ลงไปโขลกรวมกับพริกให้ละเอียด ใส่พริกไทย ขมิ้นผง กระทียม หอมแดง ค่อยๆใส่ลงโขลกรวมกันจนเมื่อทุกอย่างละเอียดดีแล้ว ก็ให้ใส่กะปิลงไปโขลกรวมกันอีกครั้ง แล้วพักไว้
2.เอาหม้อแกงที่ใส่หัวกะทิไว้ตั้งไฟให้เดือด ใส่พริกแกงลงไปผัดให้เข้ากัน เปิดไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน พอกะทิเริ่มเดือดคอยคนส่วนผสมเป็นระยะๆเคี่ยวหัวกะทิไปเรื่อยๆจนกะทิแตกมัน
3.เมื่อกะทิแตกมันดีแล้ว ก็ใส่ขนุนอ่อนลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมหางกะทิเติมลงไปเติมหางกะทิลงไป ปล่อยให้แกงในหม้อเดือดสักพัก จากนั้นใส่กุ้งลงไปพอกุ้งเริ่มสุก ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ จากนั้นปิดไฟในเตาตักใส่ชามยกเสริฟได้เลยค่ะ

***ถ้าไม่ชอบกุ้งจะเปลี่ยนเป็นไก่ก็ได้ค่ะอร่อยเช่นเดียวกัน สำหรับเครื่องแกงถ้าใครไม่อยากจะโขลกใช้เครื่องปั้นเอาก็ได้ค่ะ วันนี้นกขยันหน่อยโขลกเอง แต่ครกเล็กเลยต้องแบ่งโขลกนะค่ะ ถ้าโขลกที่เดียวเดี่ยวจะไม่ละเอียด แกงสุกนกตักน้ำแกงราดทานกับขนมจีนอร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ***

แกงส้มมะม่วงกับกุ้ง (แกงเหลือง/แกงส้มปักษ์ใต้)

"มะม่วงเบา" ชื่อนี้ถ้าเป็นคนปักษ์ใต้แล้วจะต้องรู้จักกันดีทุกคน เพราะเป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองของปักษ์ใต้ ออกผลตลอดทั้งปี ผลเล็กมีรสเปรี้ยว ส่วนใหญ่จะนำมะม่วงเบามาทำเป็นอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หรืออาหารหวานทำได้ทั้งนั้น มะม่วงเบาที่แม่ชอบทำมีหลายอย่างเช่นมะม่วงเบามาแช่อิ่ม นกชอบกินกับน้ำแข็งสุด ๆ น้ำพริกมะม่วง และก็แกงส้มมะม่วง นกไม่คิดเลยว่ามาอยู่เมืองนอกจะได้กินมะม่วงเบาแกงส้มอีก คริๆ ไปเจอะที่ร้านขายผักในตลาด ถามคนขายว่ามะม่วงนี้มาจากไหน คนขายบอกว่ามะม่วงมายนี้จากอินเดีย อืมปลูกเหมือนบ้านเราเลยละ แพงแต่ก็อยากกิน ครั้งก่อนซื้อมาลองทำน้ำพริกดู สี่ ห้า ลูกลองกินดูเหมือนมากๆ มะม่วงเบาจริง ๆ ครั้งนี้ไปเจอะอีกซื้อทำแกงเสียเลย อยากอยู่นานแล้ว ว่าแล้วลงมือเข้าครัวกันเถอะค่ะ





ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกขี้หนูสด 20-25 เม็ด
กระเทียม ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 5-6 กลีบ)
ขมิ้นสด 1 แง่ง (นกไม่มีใช้ขมิ้นผง 2 ชช)
เกลือ1 ชช

กะปิ 2 ชช
น้ำตาลปีบ 2 ชช

วิธีทำ
นำส่วนผสมมาโขลกรวมกันยกเว้นกะปิ และน้ำลาลปีบ จากนั้นโขลกให้ละเอียดตามชอบ ใส่กะปิและน้ำตาลปีบ โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วพักไว้

ส่วนผสมแกงส้ม
มะม่วงเบา ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 8 ผล)
กุ้งสด ขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ประมาณ 15-20 ตัว
เครืองแกงส้ม ที่โขลกไว้แล้ว
น้ำเปล่า ตามชอบ
น้ำปลา ตามชอบ

วิธีทำ

1. นำกุ้งมาแกะเปลือกออก ผ่าหลัง ดึงเส้นดำออก
2. มะม่วงนำมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แช่น้ำเกลือทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
3. นำเครื่องแกงที่ได้ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป คนให้ทั่วแล้วนำไปตั้งเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเครื่องแกงที่ได้ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป คนให้ทั่วแล้วนำไปตั้งเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรงนำเครื่องแกงที่ได้ใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำลงไป คนให้ทั่วแล้วนำไปตั้งเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง
4.ใส่มะม่วงลงไปต้มสักพัก ให้ได้ความเปรี้ยวจากมะม่วง พอมะม่วงเริ่มสุกให้ยีมะม่วงหน่อย ๆ เพื่อให้ได้รสเปรี้ยวมากขึ้น จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรสชาติให้มีความเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ก็เคี่ยวมะม่วงให้สุกสักพัก แล้วจึงใส่กุ้งลงไปรอซักพักจนกุ้งเริ่มสุกจึงคนให้เข้ากัน ปิดไฟในเตาอักใส่ชามยกเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนได้เลยค่ะ

***นี้เป็นรูป "มะม่วงเบา" มีอีกชื่อที่หลายคนรู้จักในชื่อว่า "มะม่วงกะล่อน" ภาพจาก Google***

ปูตะนอย

ปูตะนอย นกไม่แน่นใจว่าเพื่อน ๆ จะรู้จักกันหรือเปล่า ปูตะนอย เป็นปูเล็ก ๆ ที่เค้าเอามาชุปแป้งทอดกินกับน้ำจิ้มรสเด็ดนะค่ะ ถ้าเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลมักจะเห็นเมนูอาหารทะเลชุปแป้งทอด มีหลายอย่างให้เลือกเลยที่เดียว นกไม่แน่นใจว่าเพื่อนๆ เคยได้กินปูตะนอยกันบ้างหรือเปล่า สำหรับนกแล้วเวลาไปเที่ยวทะเลมักจะซื้อกินเป็นประจำ นอกจากเจ้าปูตะนอยแล้วยังมีปลาหมึกไข่ทอด กินกับน้ำจิ้มรสแซบอร่อยอย่าบอกใครเลยที่เดียว ปูที่นำมาทอดเป็นปูที่นกตกมาเช่นเดียวกันค่ะ เลือกตัวใหญ่ไว้แกงส้ม ส่วนตัวเล็กเอามาทอด



ส่วนผสม
ปูตัวเล็กๆ ตามชอบ (นกทอดประมาณ 10-15 ตัว)
แป้งสาลี 1/2 ถ้วย
พริกไทยป่น 1/2 ชช
เกลือ 1/2 ชช
น้ำเปล่า นิดหน่อย (ใส่พอให้แป้งพอชุปปูได้)
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน เวลาผสมแป้งให้ใส่น้ำเปล่าที่ละนิดนะค่ะ คนให้ส่วนผสมเข้ากันสังเกตแป้งอย่าให้เหลวจนเกินไปเดี๋ยวจะไม่ติดปู
2. เอากะทะตั้งบนเตา เปิดไฟในเตาใช้ไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมันในกะทะพอประมาณ รอจนน้ำมันร้อน
3. นำปูลงไปชุปในแป้งที่ผสมไว้แล้ว จากนั้นทอดให้เหลือง กรอบสุก ตักขึ้นจากกะทะวางลงบนกระดาษซับมันทิ้งไว้สักครู่ จัดใส่จานยกเสริฟคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดได้เลยค่ะ

แกงส้มRhubarb ผักรวมกับไก่

นกไม่แน่นใจว่าเพื่อน ๆ รู้จัก ต้นRhubarb กันหรือเปล่า แต่สำหรับแม่บ้านอังกฤษคงต้องรู้จักแน่นนอน คนที่นี้จะนำ Rhubarb มาทำขนมที่เรียกว่า Pie หรือไม่ก็ Crumble ค่ะ แต่สำหรับนกแล้วนอกจากจะเอามาทำขนมแล้ว นกยังเอามาใช้ทำแกงส้มอีกด้วย ต้นRhubarb มีรสเปรี้ยวคล้าย ๆ กับมะขามสด ช่วงฤดูร้อน ต้น Rhubarb จะแข่งกันขึ้นสวยงามเลยละค่ะ ที่พูดมานั้น บ้านนกไม่ได้ปลูกหรอกนะค่ะ แต่บ้านเพื่อนซิ มีหลายต้นแข่งกันขึ้นจนเจ้าของกินไม่ทัน เลยออกปากชวนให้เราไปตัดเอาตามใจชอบ คริๆ ให้อย่างนี้มีหรือจะไม่ไปตัด ออกมาแรกใหม่ ๆ ต้นอ่อนทำขนมอร่อยค่ะ แต่ทิ้งไปนาน ๆเข้า ลำต้นแก่ เอามาทำขนมหรือทำอะไรไม่ได้แล้ว เค้าก็จะปล่อยทิ้งให้ต้นมันตายไป แต่ไม่ต้องกลัวนะค่ะ มันขึ้นมาใหม่อีกปีหน้าค่ะ ต้นRhubarb นี้เค้าปลูกด้วยรากเหมือน ๆ กับปลูกต้นข่า อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ สำหรับนกแล้วต้นแก่เอามาแกง ว่าแล้วมาดูวิธีการทำแกงส้ม Rhubarb กันเถอะค่ะ


ส่วนผสม
น้ำพริกแกงส้ม 1 ชต
ผักสด ตามชอบ (ของนกมี บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก แครอท และก้านกะหล่ำดอก)
ไก่หั่นชิ้น ตามชอบ (นกใช้ที่เป็นน่องติดสะโพก 1 ชิ้นค่ะ)
น้ำตาลทราย 1 ชช
น้ำปลา 1 ชต
Rhubarb ประมาณ 8-10 ก้าน (จำนวนRhubarb ที่ใช้แล้วแต่จะชอบเปรี้ยวมากหรือเปรี้ยน้อย)
น้ำเปล่า ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 2 1/2 ถ้วย)

วิธีทำ
1.นำRhubarb มาล้างทำความสะอาดหั่นเป็นท่อน ๆ พักไว้
2.ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าและลงRhubarbไป นำขึ้นตั้งเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ต้มจนRhubarb จนกระทั้งนิ่ม จากนั้นนำRhubarb มาบดให้แตกออกจากกัน เทใส่กระชอนกรองกรอกแยกเนื้อRhubarbออก เอาแต่น้ำRhubarb มาใช้แกง พอได้น้ำRhubarbแล้ว ใส่น้ำพริกแกงส้มลงไป ยกขึ้นตั้งบนเตาอีกครั้ง
3.พอน้ำแกงเดือดใส่ไก่ลงไปต้มให้เนื้อไก่พอสุกใส่ผักสดลงไปพอผักเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ชิมรสตามชอบ พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งปิดไฟในเตาตักใส่ชามยกเสริฟได้เลยค่ะ

***วันนี้นกใช้เครื่องแกงส้มสำเร็จรูป แต่ตำพริกสดเพิ่มลงเพราะชอบแบบเผ็ดเปรี้ยวนำนะค่ะ นี้เป็นพริกที่นกใส่เพิ่ม ลืมบอกไปค่ะว่าเป็นพริกที่ปลูกเอง ปีนี้ปลูกพริกเผ็ดเยอะกว่าปีที่แล้วออกเยอะมากๆ เลยค่ะ นกกับแฟนคลับเก็บกันสนุกไปเลยละค่ะ เกือบลืมพระเอกของเมนูนี้ไปเลยค่ะ ขอโชว์หน่อย เผื่อว่าเพื่อนๆ จะไม่รู้จักกันนะค่ะ ***




ต้นRhubarb (ภาพจาก Google)





ส่วนอันนี้เป็นเหง้ามันค่ะ (ภาพจาก Google)








และในจานก็เป็นพริกสดที่เพิ่มลงไปในแกงส้ม พริกนี้ปลูกเองค่ะ ปีนี้ปลูกพริกเผ็ดเยอะเลย



ในจานนี้มีพริกอย่างหนึ่งยาวมากๆ เลยค่ะ ยาวประมาณ 15-20 ชม ได้มั่งค่ะ เรียกว่า pinocchio chilli ค่ะ ที่เรียกอย่างนั้นเพราะมันยาวเหมือนกับจมูกของในจานนี้มีพริกอย่างหนึ่งยาวมากๆ เลยค่ะ ยาวประมาณ 15-20 ชม ได้มั่งค่ะ เรียกว่า pinocchio chilli ค่ะ ที่เรียกอย่างนั้นเพราะมันยาวเหมือนกับจมูกpinocchioมั่งค่ะ (คริๆ เดาเอาเองอีกแล้ว) นี้ค่ะมันยาวจริงๆ นะ


แกงส้มปูหน่อไม้ดอง

ถ้าพูดถึงแกงส้มแล้วถือเป็นเมนูที่นกชอบมากสุดเลยก็ว่าได้ค่ะ ๆ เวลาคิดจะทำแกงอะไรกิน ในใจนกต้องคิดถึงแกงส้มก่อนแกงอื่นๆ อย่างวันนี้ก็เช่นกันนกเลือกทีจะทำแกงส้ม แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าจริงๆแล้วเมนูนี้ต้องเป็นแกงส้มปูไข่หน่อไม้ดอง แต่นกไม่มีปูไข่ ใช้ปูธรรมดาไม่มีไข่แถมเป็นปูที่ตกเองกับมือเมื่อเช้าสดๆ งานนี้นกกินคนเดียวเลยไม่ต้องกังวลเรื่องเผ็ด เปรี้ยว เรียกว่าเต็มพิกัดตามใจตัวเองเลยค่ะ



ส่วนผสม
ปูทะเล ตามชอบ
น้ำพริกแกงส้ม 2 ชต
หน่อไม้ดอง 1 กป
น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
กะปิ 1 ชต
น้ำปลา ตามชอบ
น้ำตาลปึก ตามชอบ

วิธีทำ
1. เอาน้ำใส่หม้อใส่น้ำพริกแกงส้มกับกะปิลงไป ละลายให้เข้ากัน
2. น้ำแกงเดือดก็ใส่ปูลงไปรอให้น้ำแกงเดือดอีกรอบใส่หน่อไม้ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปึก ชิมรสตามชอบ
3. ทิ้งให้แกงเดือดอีกสักพักปิดไฟในเตา ตักใส่ถ้วยยกเสริฟได้เลยค่ะ

***วันนี้นกไม่ได้ตำเครื่องแกงเอง ใช้เครื่องแกงสำเร็จรูป แต่ตำพริกสดเพิ่มความเผ็ดนะค่ะ***

ก๋วยเตี๋ยวรถไฟ

วันนี้เป็นวันหยุดธนาคารของที่นี้ค่ะ แฟนคลับไม่ได้ทำงาน เราเลยไปบ้านพ่อแม่กัน เวลาไปบ้านพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็พูดคุยถามทุกข์สุข และคุยเรื่อยเปื่อย บางครั้งคุยเรื่องความหลังกันค่ะ อย่างวันนี้เช่นกันเราคุยกันหลายเรื่องที่เดียวค่ะ จากนั้นก็ลากลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านไม่รู้มีอะไรทำให้นกคิดถึงก๋วยเตี๋ยวรถไฟขึ้นมาค่ะ เมนูนี้เป็นประทับใจที่เต็มไปด้วยความทรงจำการเดินทางด้วยรถไฟ พูดถึงรถไฟกับการเดินทางของนกถือว่าเป็นของคุ๋กันตั้งแต่จำความก็ว่าได้ค่ะ เพราะทุกๆ ปิดเทอมใหญ่ แม่จะพาลูก ๆ ไปเยี่ยมคุณตา(ก๋ง)ของหลาน ๆ การเดินทางถือเป็นการเดินทางระยะยาวเลยที่เดียว ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟเป็นอะไรที่พวกเราตั้งตารอคอย ให้เวลาแห่งความสุขสนุกสนานนั้นมาถึงไว ๆ แต่เป็นงานหนักของแม่ที่ต้องดูแลลูกๆ ที่กำลังซน กำลังกิน กำลังนอน ถึงสถานไหนพวกเราต่างชะโงกคอดูแล้วว่าเค้ามีอะไรขายบ้าง คริๆ เกือบทุกสถานีก็ว่าได้ค่ะ บางครั้งแม่ต้องดุเพราะซื้อมาแล้วกินกันไม่หมด มีหลาย ๆ เมนูที่เดียวที่เราจำและซื้อกินเป็นประจำ อย่างก๋วยเตี๋ยวรถไฟ ถ้าใครที่เดินทางด้วยรถไฟแล้วผ่านบ้านโป่ง ราชบุรี ต้องรู้จักก๋วยเตี๋ยวรถไฟเป็นอย่างดี สองกล่อง 10 บาท สมัยนั้นนะค่ะ พอรถไฟถึงบ้านโป่งก็จะมีคนขึ้นมาขายบนรถไฟกันเลยค่ะ พอรถไฟเริ่มเคลื่อนก็ลงจากรถไป การซื้อขายค่อนข้างเร่งรีบ รีบซื้อรีบจ่ายไม่มีเวลาให้เลือกค่ะ ตอนนี้ซื้อราคานี้ไม่ได้แล้วละค่ะ จำได้ครั้งสุดท้ายที่เดินทางด้วยรถไฟ ซื้อในกล่องละ 10 บาท ถึงแม้ราคาเปลี่ยนแต่ความอร่อยและรสชาติไม่เคยเปลี่ยนไปเลย




ส่วนผสม
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 2 ซอง
เนื้ออกไก่หั่นชิ้นๆ 1 อก
ถั่วงอก ตามชอบ
ต้นหอมผักชีซอย 2-3 ต้น
มะนาว 1 ลูก
กระเทียมเจียว ตามชอบ
น้ำปลา/ซีอิ้วขาว ตามชอบ
น้ำตาลทราย ตามชอบ

วิธีทำ
1.เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อ พอน้ำเดือดใส่เนื้อไก่ลงไปต้มให้สุก จากนั้นหั่นเนื้อไก่เป็นชิ้น ๆ พอคำ
2.นำกระเทียมมาปลอกเปลือกแล้วสับให้ละเอียด จากนั้นนำไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองกรอบที่ไฟปานกลาง ตักใส่ถ้วย พักไว้
3.เปิดไฟในเตาอีกครั้งใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อพอให้ลวกเส้นได้ เมื่อน้ำเดือดให้นำเส้นลงไปลวกประมาณ 1-2 นาที สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในชาม ใส่กระเทียมเจียวลงไปประมาณ 2 ช้อนชา น้ำปลาตามชอบ คลุกเส้นให้เข้ากันจนทั่ว พักไว้
4.ใช้หม้อลวกก๋วยเตียวใบเดิมลวกถั่วงอก พอถั่วงอกสุก ใส่ถั่วงอกลงในชามก๋วยเตี๋ยว
5.ใส่เนื้อไก่ที่หั่นเป็นชิ้น ๆ วางบนก๋วยเตี๋ยว ใส่น้ำตาลทราย พริกป่น ข้างๆก๋วยเตี๋ยว เสริฟพร้อมมะนาวหั่นซีก โรยหน้าด้วยหอมผักชียกเสริฟได้เลยค่ะ
***วันนี้นกทำทั้งไก่ และหมู ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาหมู หรือไก่ดี เลยทำสองอย่างไปเลย แต่อย่างชิ้นนะค่ะไม่ได้ทำมาก วิธิทำไก หรือ หมูเหมือนกันค่ะ ใช้สูตรเดียวกัน ***

***อีกภาพนะค่ะใส่ทั้งไก่ และหมูในชามเดียวกันเลย ถ้าซื้อบนรถไฟเนื้อที่คงได้ได้เห็นอย่างในภาพหรอกนะค่ะ ของเค้านิดเดียวจริงๆค่ะ **

ทองหยิบ ทองหยอด

เพื่อนๆ ทราบไม่ค่ะว่าขนมตระกูลทองมีกี่อย่าง และมีขนมทองอะไรที่เป็นที่นิยมคนรู้จัก และกินกันเยอะ นกคิดว่าคงไม่พ้น สองทองที่นกทำแน่นอนค่ะ นั้นก็คือ ทองหยิบ ทองหยอด แต่จะทำได้ต้องโทรไปถามแม่ก่อนว่าเค้าทำกันอย่างไรสูตรได้มาเรียบร้อยแล้ว วันนี้กฤษ์ดีไม่ได้ไปไหนว่างเยอะลงมือทำเสียเลย และอีกเหตุผลที่นกเลือกทำขนมทองหยิบ ทองหยอด ก็เพราะเพื่อนๆ ส่งข้อความถามขนมตระกูลทองในครัวเอ็นดีมีได้ทำหรือเปล่า แล้วสูตรมีบ้างไม่ อยากกินมากๆ เลย จริง ๆ ไม่ได้ถามหาเพียงคนเดียวเรื่องสูตร หลาย ๆคนถามหาเช่นกัน นกเห็นแม่ทำขนมพวกนี้แล้วรู้ถึงความยากของการทำ ที่จะทำให้สวยได้ดั่งใจ แต่เอาละเป็นงัยเป็นกันไม่ลองก็ไม่รู้สักทีว่าตัวเองทำได้หรือเปล่า อีกอย่างนกเองก็อยากกินถ้าไม่ทำจะได้กิน คงต้องคอยกลับไปกินที่เมืองไทย ตัดใจสู้ ค่ะ และแล้วผลงานของขนมตระกูลทองออกมาหน้าตาเป็นอย่างนี้ วันนี้ทำสองทองก่อนนะค่ะ ไว้มีโอกาสจะทำทองอื่น ๆมาให้ชมกันอีก





ส่วนผสมทองหยิบ
ไข่ไก่ 5 ฟอง
น้ำตาลทราย 6 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไปให้เดือด พอเหนียว ตักน้ำเชื่อมขึ้นใส่ถาดไว้พอประมาณ ส่วนที่เปลือตั้งไฟต่อไป
2. แยกไข่แดง ไข่ขาวออกจากกัน จากนั้นตีไข่แดงให้ขึ้น ไข่จะเปลี่ยนเป็นสีนวล
3. ตักไข่ที่ตีได้ที่แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งอยู่บนไฟอ่อนให้เป็นวงกลมพอสุกกลับอีกด้านหนึ่งลง
4. ตักแผ่นทองหยิบขึ้นวางในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลาง นิ้วชี้ ของมือซ้าย หยิบไข่ ตามด้วยนิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้ ของมือขวา หยิบขึ้นใส่ในถ้วยตะไล

***นกไม่มีถ้วยตะไลกะเค้าหรอกนะค่ะ ใช้ถ้วยน้ำจิ้มหาที่เล็กที่สุดเท่าที่จะหาได้ คิดว่าคงพอใช้ได้ละ***


เสร็จจากทองหยิบ นกก็ทำทองหยอดต่อ เพราะน้ำเชื่อมมีอยู่แล้วไม่ต้องไปทำน้ำเชื่อมใหม่นะค่ะ ว่าแล้วก็ลุยกันต่อค่ะเพื่อนๆ






ส่วนผสมทองหยอด
ไข่ไก่ 5 ฟอง
แป้งข้าวจ้าว 1 1/2 ชต
น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไฟให้เดือดพอเหนียว ตักน้ำเชื่อมขึ้นไว้ สำหรับลอยทองหยอด ที่เหลือตั้งไฟ
ต่อไปให้น้ำเชื่อมเหนียว
2. แยกไข่แดง ไข่ขาว ออกจากกัน นำไข่แดงตีให้ขึ้น ค่อยๆใส่แป้งข้าวจ้าวลงไปแล้วคนให้เข้ากัน
3. หยอดไข่ที่ตีแล้วลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งอยู่บนไฟ ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาวงเป็นตัวกำหนด ต้องการลูกเล็กหรือใหญ่ ตามใจชอบ นิ้วหัวแม่มือจะเป็นนิ้วที่ช่วยรูดแป้งลงที่ปลายนิ้ว แล้วจึงสะบัดไข่ลงในน้ำเชื่อม
4. เมื่อทองหยอดสุกลอยขึ้น ตักใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้

***แป้งวันนี้นกใช้แป้งข้าวจ้าว ตามสูตรที่แม่ให้มาต้องเป็นแป้งทองหยอดหาไม่ได้เอาแป้งข้าวจ้าวนี้ละ เพราะเห็นหลาย ๆ คนก็ทำกับแป้งข้าวจ้าวกัน ส่วนน้ำเชื่อมนกใช้น้ำเชื่อมที่ทำทองหยิบมาทำทองหยอดต่อ โดยเพิ่มน้ำเปล่าลงไปน้ำเชื่อมอีก 2 ถ้วยนะค่ะ เวลาใส่แป้งข้าวจ้าวค่อยใส่นะค่ะ อย่าเทครั้งเดี่ยว จากนั้นคนให้เข้ากัน อย่าคนนานเดี๋ยวทองหยอดจะแข็งเป็นไตไปนะค่ะ***


ราดหน้าหมูนุ่มแผ่นปอเปียะเวียดนาม

เมื่อพูดถึงอาหารจานเส้น นกเองก็เป็นเด็กเส้นกะเค้าเหมือนกัน วันนี้เลยนำเมนูอาหารจานเส้นที่ติดอันดับในใจมาให้เพื่อนๆได้ชมกัน เมนูนั้นก็คือราดหน้านั้นเอง นกว่าหลายๆ คนคงชอบเมนูราดหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้า พอพูดถึงก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ หลาย ๆคนที่อยู่ในต่างแดนคงไม่มีปัญหาในการหาก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ นกเองก็เป็นปัญหาใหญ่คือหาหาแหล่งซื้อไม่ได้ เวลาอยากกินก๋วยเตียวเส้นใหญ่ นกมักจะทำเส้นใหญ่เอง หรือไม่ก็จะใช้เจ้าแผ่นปอเปียะเวียดนามนี้ละค่ะมาใช้แทนก๋วยเตียวเส้นใหญ่ เพราะส่วนผสมคล้าย ๆ กัน ถ้าเพือน ๆ มีปัญหาเรื่องก๋วยเตียวเส้นใหญ่เหมือนกันละก็ ลองนำไปใช้ดูนะค่ะ เผื่อว่าจะชอบใจ ว่าแล้วก็ลงมือกันเลยค่ะ
ส่วนผสม แผ่นปอเปียะเวียดนาม 2 ห่อ (หนึ่งห่อมีประมาณ 10 แผ่น) คะน้าหั่นเฉียง 6-8 ต้น เนื้อหมูสันในหมัก 1 ถ้วย
กระเทียมสับ 5-6 กลีบ ซีอิ้วขาว 2 ชต ซีอิ้วดำ 2 ชต น้ำมันหอย 2 ชต น้ำตาลทราย ตามชอบ เต้าเจี้ยว 2 ชต แป้งข้าวโพด 2 ชต น้ำมันสำหรับผัด น้ำซุปไก่ ตามชอบ (ไม่มีใช้น้ำเปล่าได้ค่ะ)
ส่วนผสมหมูหมัก
เนื้อหมูสันใน หั่นสไลด์ 1 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 1 ชช
ซีอิ้วขาว 1 ชต
ซอสหอยนางรม 1 ชต
น้ำมันงา 1 ชช
วิธีทำ
1.นำแผ่นปอเปียะไปจุ๋มในน้ำอุ่นให้แผ่นนิ่มเสียก่อน นำขึ้นซับกับผ้าให้แผนแป้งไม่มีน้ำก็ใช้ได้แล้วละ เวลาซับเบามือหน่อยนะค่ะ เดี่ยวแผ่นแป้งขาด จากนั้นก็เอาแป้งชุปน้ำมันแล้วทาลงบนแผ่นแป้งให้ทั่วพักไว้ ทำอย่างนี้ไปจดหมดแผ่นแป้ง
2.นำแผ่นแป้งที่ได้ทั้งหมด ไปตัดให้เป็นเส้น ๆ ขนาดตามต้องการ กะขนาดตามชอบ (ของนกประมาณ 1 นิ้วเห็นจะได้มั่งค่ะ) ตัดเส้นเสร็จก็ลอกเส้นให้ออกจากกัน เหมือนกับลอกก๋วยเตียวเส้นใหญ่
3.เมื่อได้เส้นก๋วยเตี๋ยวตามต้องการแล้ว ให้คลุกซีอิ้วดำให้ทั่วๆ
4.พอคลุกซีอิ้วดำเรียบร้อยแล้วก็นำไปผัดในกะทะ ปกติจะใส่น้ำมันนิดหน่อย แต่วันนี้ ไม่ใส่ค่ะ เพราะตอนทาน้ำมันบนเส้นทาเยอะไปหน่อย น้ำมันมีเยอะเลยเลยเอาลงไปผัดในกะทะเลย ผัดให้เส้นสุกหอม เวลาผัดจะได้กลิ่นเหมือนผัดเส้นก๋วยเตียว ตักใส่จานพักไว้
5.ผสมส่วนผสมหมูหมักทั้งหมดเข้าด้วยกัน จากนั้นหมักไว้ประมาณ 1 ชม
6. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ จากนั้นรอจนน้ำมันร้อน ใส่เส้นหมี่ ซีอิ้วดำ ลงไป ผัดให้ซีอิ้วดำคลุกเส้นให้ทั่ว จากนั้นปิดเตา ตักขึ้นใส่จาน พักไว้ 7. ตั้งกระทะอีกครั้ง ใส่น้ำมันลงไปน้ำมันร้อนก็ใส่กระเทียมลงไปผัดจนกระเทียมหอม ใส่เนื้อหมูหั่นลงไป ผัดจนหมูเริ่มสุกก็ใส่เครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย และน้ำตาลทรายลงไป 8.ผัดให้เครื่องปรุงต่างๆ เข้ากัน จนหมูสุกก็เติมน้ำซุปลงไป รอจนน้ำซุปเดือด ก็ใส่เต้าเจี้ยวลงไป ชิมรสตามชอบ จากนั้นรอให้น้ำซุปเดือดอีกครั้งก็ใส่ผักคะน้าที่หั่นไว้ลงไป ระหว่างนี้ให้ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่า คนให้แป้งละลายจนหมด จากนั้นเทลงน้ำซุป คนเร็วๆ อย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อน น้ำซุปจะข้นขึ้น รอจนน้ำซุปเดือดอีกครั้งปิดไฟในเตา ตักน้ำซุปราดบนเส้นหมี่ โรยด้วยพริกไทยป่น ยกเสริฟได้เลยค่ะ
*** เวลาละลายแป้งลงไปแล้วหาน้ำซุปยังไม่ข้นตามที่ต้องการ ก็ให้ละลายแป้งเพิ่มลงไปอีก นกจากแผ่นแป้งปอเปียะเวียดนามที่นกใช้ทำราดหน้าแล้ว ก็ยังมีเส้นก๋วยเตียวที่นกทำเอง หากเพื่อนสนใจ สามารถอ่านได้ที่เมนูก๋วยเตียวถังแตก โดยคลิ๊กลิงค์ https://pinkroselove-nd.blogspot.com/2010/07/blog-post_30.html ได้เลยค่ะ ***



พาสต้าเขียวหวานไก่

แกงเขียวหวานไก่เป็นเมนูที่แฟนคลับชอบมาก ที่บ้านมักจะทำบ่อยๆ เพราะเป็นเมนูที่ทำงาน แถมทำที่ไรได้คำชมทุกที่ คริๆ เลยทำบ่อย เวลาทำนกจะนึกถึงขนมจีน แต่ถ้าไม่มีขนมจีนก็ใช้เส้นอื่น ๆ แก้ขัดกันไปค่ะ อย่างวันนี้ ก็เป็นพาสต้านี้ละค่ะ





ส่วนผสม


พาสต้าต้มสุก ตามชอบ (Farfalle/Butterfly Pasta)

น้ำพริกแกงเขียวหวาน 1 ชต
เนื้อไก่หั่นชิ้นพอคำ ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 1/2 ถ้วย)

มะเขือม่วงหั่นชิ้นพอคำ 1/4 ถ้วย
ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อน ๆ 1/4 ถ้วย
หน่อไม้ 1 กป
พริกชี้ฟ้า เขียว/แดง ตามชอบ
หัวกะทิ 1/4 ถ้วย
หางกะทิ 1/2 ถ้วย
น้ำปลา ตามชอบ
น้ำตาลปี๊บ 2 ชช
ใบโหระพา ตามชอบ
น้ำมันพืช 1 ชต

วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันพืชลงกระทะ นำน้ำพริกแกงเขียวหวานลงไปผัด พอส่งกลิ่นหอมหวน จากนั้นใส่หัวกะทิ ลงไปผะต่อ พอน้ำกะทิเดือดก็ใส่ไก่ลงไป
2. เมื่อเนื้อไก่เริ่มจะสุกก็ปรุงรสด้วย น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ จากนั้นก็ใส่ผักลงไป ตามด้วยหางกะทิ พอทุกอย่างสุก ก็ใส่ใบโหระพาพริกชี้ฟ้าคนให้เข้ากันอีกครั้ง ตักราดลงบนเส้นพาสต้านุ่ม ๆ ยกเสริฟได้เลยค่ะ

***ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบกะทิ หริอหากะทิไม่ได้ก็อาจจะใช้นมสดปรุงอาหารแทนก็ได้เช่นกัน นกเองบางครั้งก็ใช้นมสดแทนกะทิ แต่วันนี้มีกะทิ เลยใช้กะทินะค่ะ ส่วนผักทำให้เลือกผักแข็งลงต้มก่อน อย่างมะเขือม่วงนกใส่หลังสุดนะค่ะ***

ผัดบะหมึ่กึ่งสำเร็จรูปกับกุ้ง /ผัดมาม่ากับกุ้ง

ไม่รู้จะทำอะไรเป็นเมนูมื้อเที่ยงดี หันไปหันมาเอานี้ละบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือมาม่า ง่าย ๆ สะดวก คริ ๆ เรียกว่าสิ้นคิดเลยก็ว่าได้ค่ะ ถ้าพูดไปแล้วมาม่ากับนกนี้ถือว่าเป็นอะไรที่คู่กันเลยที่เดียว เพื่อน ๆ มีมาม่าที่ชอบในใจหรือไม่ จำได้เด็กๆ มาม่าหมูสับเป็นอะไรที่ชอบมากๆ ต่อมามีรสออกมาหลาย ๆ รส เลยมีมาม่าที่ชอบเพิ่มอีกรสคือรสต้มยำกุ้ง ดังนั้นนกจะทำมาม่าผัดนกจะใช้ มาม่าหมูสับ แต่ถ้าต้มละก็นกจะใช้มาม่าต้มยำกุ้ง ที่บ้านจะมีอยู่สองรสให้เลือก เพื่อนๆ ละค่ะ มีมาม่าในใจไม่ค่ะ




ส่วนผสม
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรส (มาม่า) ตามชอบ ขนาดใหญ่ 1 ซอง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
กุ้งสด ตามชอบ
ผักกาดขาวหั่นเป็นชิ้นพอคำ 3-4 ก้าน
มะเขือเทศ 1 ลูก
กระเทียมสับ ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 4-5 กลีบ)
ซีอิ๊วขาว 1 ชต
น้ำมันหอย 1 ชต
น้ำตาลทราย ตามชอบ
ซีอิ้วดำ ตามชอบ
ต้นหอมผักชีหั่นเป็นท่อนๆ 2-3 ต้น

วิธีทำ
1. ตั้งหม้อเตาไฟ ใส่น้ำลงไปสูงพอประมาณให้ต้นม่าม่าได้ พอน้ำเดือดหย่อนก้อนมาม่าลงไปทั้งก้อนไม่ต้องบิให้แตก เอาทัพพีกด ๆ ให้จมน้ำต้มประมาณ 1 นาที ให้พอเส้นมาม่าเริ่มคลายตัวพอประมาณอย่าให้นิ่มมาก จานนึง จากนั้นก็ช้อนขึ้นใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. เปิดไฟกลางไปค่อนข้างอ่อน ใส่น้ำมันพืชไป 2-3 ชต ลงในกะทะ เอาขึ้นตั้งบนเตา รอน้ำมันอุ่นใส่กระเทียมลงไปเจียวพอ
3. ใส่กุ้งลงไปผัด ผัดพอกุ้งเปลี่ยนสี ไม่ต้องรอให้กุ้งสุก จากนั้นตอกไข่ใส่ลงไป ใช้ตะหลิวขยี้ให้ไข่แตก ทิ้งเวลาไว้ให้ไข่ด้านล่างสุก สักพักกลับไข่อีกด้านลงไป ผัดให้ไข่สุกทั้งหมด
4. ใส่ผักกาดขาวลงไปผัด ใส่ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย จนกระทั่งผักสุก ใส่ม่าม่าลงไปผัด ใส่ซีอิ้วดำลงไปผัดให้เข้ากัน ผัดเร็ว ๆให้ทั่วกัน ชิมรสตามชอบ จากนั้นปิดไฟในเตาตักใส่จาน โรยหอมผักซีจากนั้นยกเสริฟได้เลยค่ะ

***ถ้าใครไม่ชอบกุ้งจะเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตย์อื่นๆ ก็ได้ค่ะ ผัดมาม่านี้ถือเมนูหนึ่งในเมนูอาหารสิ้นคิดของนกเลยถ้าไม่มีอะไร หันไปมองในตู้มีม่าม่าหรือเปล่าถ้ามีก็ใช่เลย นอกจากมาม่าผัดแล้วยังมีมาม่าต้มที่ชอบกินบ่อย ๆ โดยเฉพาะมาม่าปลากระป๋องถ้าไม่ลืมนกจะเอาสูตรมาลงต่อท้ายมาม่าผัดอีกครั้งนะค่ะ***

มันเทศเชื่อม





ส่วนผสม
มันเทศ ขนาดกลาง 2 หัว
น้ำตาลทราย 1 1/2ถ้วย
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
น้ำปูนใส ตามชอบ (นกใช้น้ำปูนใส ปริมาณพอท่วมมันเทศ)
หัวกะทิ 1 ถ้วย
เกลือป่น 1/2 ชช
น้ำมะนาว 1 ชช

วิธีทำ
1. ปลอกเปลือกมันเทศ นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นตามขนาดที่ต้องการ
2. นำมันเทศไปแช่น้ำปูนใสไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงเทน้ำปูนใสทิ้ง แล้วนำไปล้างน้ำเปล่าอีกครั้งให้หมดกลิ่นปูน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
3. นำน้ำตาลและน้ำผสมลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนเตาต้มให้เดือดจนน้ำตาลละลายหมด จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
4. นำน้ำเชื่อมที่กรองเรียบร้อยแล้ว ขึ้นตั้งไฟต่ออีกประมาณ 10 นาที และนำมันเทศใส่เชื่อมด้วยไฟอ่อน ๆ จนน้ำเชื่อมเข้าในเนื้อมันเทศมีสีใสเป็นเงา ใส่มะนาวลงค้นให้ทั่วอีกครั้งปิดไฟในเตา ตักมันเชื่อมใส่ถ้วย ราดด้วยหัวกะทิยกเสริฟได้เลยค่ะ

***การใส่มะนาวลงไปนิดหน่อยเพื่อที่จะช่วยไม่ให้น้ำตาลตะกอนและเป็นเกล็ดเวลาน้ำเชื่อมเย็น นะค่ะ จะใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน***