Samosa ( ซาโมซ่า)

ซาโมซ่า (Samosa) อาหารว่างของคนอินเดียว เป็นที่รู้กันว่าที่อังกฤษ อาหารอินเดียเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อเลยที่เดียว แฟนคลับนกชื่นชอบอาหารอินเดียหลายอย่าง ทำให้นกต้องเรียนรู้เมนูอาหารอินเดียไปโดยปริยาย หลายเมนูๆ ไม่รู้จักไม่เคยกินมาก่อนก็ต้องดูจากตำราอาหารกันเลยก็ว่าได้ค่ะ อย่าซาโมซ่า นกได้ทดลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็มาทำในแบบของตัวเอง ผลออกมาเป็นที่น่าภูมิใจ แฟนคลับบอกว่าทำได้ดีกว่าร้านอาหารอินเดียหลายๆ ร้านที่เค้าไปกินมาเสียอีก ได้ยินแล้วเป็นปลื้มจริงๆ เมนูไหนที่ทำแล้ว บอกว่าอร่อย ก็จะเก็บสูตรเอาไว้ ไม่ต้องหาสูตรใหม่ลองทำอีก อย่างซาโมซ่านี้ทำบ่อยสุด ๆ ในความรู้สึกของนกแล้วอาหารของคนเอเซียส่วนใหญ่จะมีรสชาติ และเครื่องปรุงที่คล้ายๆ กัน "ซาโมซ่า" นกว่าไม่ต่างไปจากกะหรี่พัฟบ้านเรานะค่ะ




วิธีทำ
เนื้อหมู/ ไก่ /Lamb บดละเอียด 250 กรัม (เลือกเนื้อที่เราชอบ สำหรับนกวันนี้ใช้เนื้อ Lamb นะค่ะ)
มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 350-400 กรัม

หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูํกเต๋าเล็ก 1 หัว

แครรอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 1 หัว

Peas
(เมล็ดถั่วลันเตา) 100 กรัม
ผง masala 1 ชช

ผงยี่หร่า 1 ชช
ผงกะหรี่ 2 ชช

เกลือป่น 2 ชช
ซีอิ้วขาว 1 ชช

น้ำตาลทราย 2 ชต

แป้งปอเปี๊ยะ 1 ห่อ

ไข่ไก่ 1 ฟอง (สำหรับทายึดแป้งให้ติดกัน)

วิธีทำ
1. รวนเนื้อบดใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ยีให้เนื้อให้แยกออกจากกันไม่ติดกันเป็นก้อนๆ ใส่หอมใหญ่ลงไปผัดให้เข้ากันจนเริ่มมีกลิ่นหอม ๆ

2. ใส่มันฝรั่ง แครรอท ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน เปิดไฟในเตาให้เป็นไฟกลาง พอมันฝรั่งและแครรอทเริ่มสุก ใส่เครื่องปรุง ผง masala ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ เกลือป่น ซีอิ้วขาว และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันชิมรสตามชอบอีกครั้ง ผัดจนกระทั้งทุกอย่างสุกเข้ากันดี ปิดไฟในเตา พักไว้ให้เย็น

3. นำไส้ที่พักไว้จนเย็นมาห่อกับแผ่นแป้งปอเปี้ยะ ซาโมซา 1 ชิ้น นกใช้แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ 1 แผ่นใหญ่ วิธีการห่อคือตัดแผ่นแป้งปอเีปี๊ยะ 1 แผ่นใหญ่ให้เป็นสี่เหลี่ยมผื่นผ้า 3 แผ่น (แป้งขนาดใหญ่นกตัดเป็น3 ส่วนเท่าๆ กันนะค่ะ) นำแผ่นทั้ง 3 แผ่นมาต่อเข้าด้วยกัน ตีไข่ไก่ให้แตกใช้แปรงชุบไข่ทาเป็นกาวต่อแผ่นแป้งเข้าด้วยกัน จะได้ สี่เหลี่ยมผื่นผ้าขนาดยาว

4. จับปลายแป้งด้านที่ถนัด พับขึ้นให้รูปกรวย จากนั้นใส่ไส้ลงไป พับปิดไส้จากนั้นก็พับไปเรื่อย ๆ จนหมดแผ่นแป้ง จะได้ ซาโมซ่า 1 ชิ้น ทำอย่างนี้ไปจนหมดแป้ง ( วันนี้นกทำได้ประมาณ 30 ชิ้น เลยแบ่งแช่ช่องแข็งส่วนหนึ่ง)

5. นำซาโมซ่าที่ห่อเรียบร้อยแล้วไปทอด ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน พอน้ำมันร้อนได้ที่นำซาโมซ่าลงทอดจนสุกเหลืองกรอบสวย ตักวางบนกระดาษซับมัน จากนั้นยกเสริฟคู่กับน้ำจิ้มอาจาดได้เลย


***งานนี้นกยังไม่ได้จัดใส่จาน แฟนคลับทนกลิ่นหอมไม่ไหว หยิบใส่จานไม่รอเสริฟพร้อมน้ำจิ้มเลยค่ะ จริงๆ แล้วกะว่าจะทำน้ำจิ้มอาจาดเสริฟคู่กัน แต่แฟนคลับบอกไม่ต้องก็ได้ผมไม่ทานน้ำจิ้ม ชอบทานแบบนี้ นกเลยตามใจคนกิน ถ้าเพื่อนๆ คนไหนชื่นชอบอาจาด ทำง่าย ๆโดย ต้มน้ำตาล น้ำส้มสายชู น้ำเปล่า เกลือ พักไว้จนเย็น จากนั้นหั่นพริก หอม แตงกวาลงไป เท่านี้ก็ได้อาจาดเสริฟคู่่กับซาโมซ่าแล้วละค่ะ สำหรับซาโมซ่าถ้าทำมากเกินไป คิดว่าทานไม่หมดในมื้อเดียวเหมือนกันนก แนะนำให้แช่แข็งเอาไว้ วิธีการแช่ ให้แช่ในกล่อง โดยตัดกระดาษรองอบ รองก้นกล่อง จากนั้น เรียงซาโมซ่า อย่าเรียงซ่อนกันนะค่ะ เรียงเป็นตัว ๆ ไป หมดชั้นที่ 1 รองด้วยกระดาษรองอบในชั้นที่ 2 ทำอย่างนี้ไปจนหมดซาโมซ่า วันไหน อยากทานก็เอาออกมาทอดได้เลย ***


Puff pastry Sausage Rolls

นกห่างจากการครัวไม่เข้ามาทักทายเพืือน ๆ ชาวครัวนานเลยค่ะ จริงๆ แล้วนกทำอาหารทุกวันแต่นอกเหนือจากนั้นยังต้องทำเค้กควบคู่กันไปอีก ยิ่งใกล้เทศกาลคริสมาสต์นกต้องทำคริสมาสต์เค้ก สำหรับขายตอนช่วงใก้ล ๆ คริสมาสต์ หน้าร้อนนี้พริกที่ปลูกไว้ให้ผลผลิตดี ต้องทำซอสพริกอีก งานนี้ทำสต๊อกเก็บเอาไว้ขายเลยที่เดียว คิดว่าปีนี้คงขายได้เยอะกว่าปีที่แล้ว เพราะมีลูกค้าประจำ และลูกค้าใหม่ที่เพื่อน ๆ แนะนำให้อีก แถมแฟนคลับนกยังเป็นฝ่ายการขาย เอาไปขายเพื่อนๆ ที่ทำงาน งานนี้ซอสพริกกลายเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ในครอบครัวไปเลย พูดเสียยืดยาว จริงๆ อยากบอกว่าทั้งหมดนี้ทำให้นกต้องห่างจากห้องครัีวไปนะค่ะ




ส่วนผสม
Puff pastry 200 กรัม (วันนี้ใช้แป้งสำเร็จรูป)
Sausage Meat 200 กรัม (ถ้าไม่มีใช้ไส้กรอกแทน)
ไข่ไก่ 1 ฟอง
นม 2 ซต

วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบที่ 180 C
2. แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วน รีดแป้งให้มีความหนาและความกว้าง ยาวตามต้องการ (แป้งที่นกรีดมีความหนาประมาณ 2 มม. กว้าง 3 นิ้ว ยาวประมาณ 8 นิ้ว)
3. นำ Sausage Meat ใส่ลงไปด้านใดด้านหนึ่งของแป้ง วิธีการโดยเรียงต่อยาวจนสิ้นสุดแป้งโดยให้เหลือเนื้อที่สำหรับนำนำแป้งอีกดด้านปิดทับ
4. ก่อนนำแป้งอีกด้านปิดทับนำแปรงชุบนำทาขอบด้านที่มี Sausage Meat จากนั้นนำแป้งอีกด้านปิดทับให้สนิด จากนั้นตัดให้ได้ขนาดตามชอบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มด้านบนเพื่อให้มีช่องระบายเวลาออบ
5. ตีไข่ให้แตก ทาให้ทั่ว Sausage Meat จากนั้นนำเข้าอบประมาณ 20 นาที่ หรือจนกระทั้งเหลือกรอบสวย

ปลาหมึกผัดผักกวางตุ้ง (ผักปลาหมึกผักสายชิม)






ส่วนผสม
ผักกวางตุ้ง 200 กรัม
ปลาหมึักหั่นแว่น 1/2 ถ้่วย (นกใช้ประมาณ 6-7 ตัว)
กระเทียมสับ 3-4 กลีบ
เกลือป่น 1/2 ชช
น้ำปลา/ซีอิ้วขาว 1 ชต
น้ำตาลทราย ตามชอบ
น้ำซุป/น้ำเปล่าเล็กน้อย
น้ำมันพืช 2 ชต

วิธีทำ
1. ล้างผักให้สะอาดแล้วหั่นเป็นท่อน ๆ พอคำ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. เปิดเตาในใช้ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม จากนั้นใส่ปลาหมึกลงไป ผัดไปเรื่อยจนปลาหมึกเริ่มสุก
3. ใส่ผักกวางตุ้งลงไป เติมเกลือป่น ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย น้ำเปล่า ผัดจนกระทั้งผักเริ่มสลด ชิมรสตามชอบจากนั้นก็ปิดเตาตักใส่จานยกเสริฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ได้เลย

ผัดคะน้าหมูน้ำมันหอย







ส่วนผสม
คะน้าหั่นท่อน 300 กรัม

เนื้อหมูหั่นชิ้นพอคำ 250 กรัม
น้ำมันหอย 2-3 ชต

กระเทียมสับ 3-4 กลีบ

น้ำมันสำหรับผัด


วิธีทำ

1. เปิดไฟในเตาใช้ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ตั้งกระทะบนเตา ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อน นำกระเทียมที่สับไว้ลงไปผัดให้หอม จากนั้นใส่หมูลงไปต่อ ผัดจนกระทั้งหมูเริ่มสุก

2.ใส่ผักคะน้าลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ผัดจนกระทั้งผักคะน้าเริ่มสลดปิดไฟในเตาตักใส่จานยกเสริฟได้เลย


***เมนูนี้นอกจากจะผัดกับเนื้อหมูแล้วจะเปลี่ยนเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว หรือจะเป็นเนื้อกุ้งก็ได้เช่นกันค่ะ ***



แกงป่าหมูมะเขือเปราะ

ข่วงนี้พืชผักที่บ้านดูว่าจะหาซื้อได้มากขึ้น อาจจะเป็นเพราะหน้าร้อนก็ได้ ผักจากเมืองไทยหลายๆ มีให้เห็นอย่างมะเขือเปราะก็เช่นกัน ร้านขายผักในตลาดมีมาขายด้วย ปกติไม่มีพึ่งจะเห็นเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ไม่ได้เห็นทุกครั้งที่ไปตลาดหรอกนะค่ะ ต้องคอยจ่องว่ามีมาขายหรือเปล่า ราคาก็แพงอยู่แต่มันอยากกินเลยตัดใจ นกชอบทำแกงป่าเป็นประจำ ยิ่งหั่นซอยกระชายในแกงยิ่งชอบใหญ่ นกว่าเวลาที่ร่างกายรู้สึกไม่ค่อยจะดีของแต่ละเดือน ความเผ็ด และสมุนไพร น่าจะช่วยปรับสมดุุลย์ในร่างกายไปได้






ส่วนผสม
เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ 250 กรัม
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ชต
มะเขือเปราะหั่นเป็นชิ้น 8-10 ลูก
กระชายซอยเป็นเส้นๆ ตามชอบ ( นกใช้ประมาณ 5-6 หัว)
พริกไทยอ่อน ตามชอบ
น้ำปลา 2 ชต
เกลือ 1/4 ชช
ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 3-4 เม็ด
ใบกะเพรา 2 กิ่ง
น้ำมัน 2 ชต
น้ำเปล่า

วิธีทำ
1. ตั้งน้ำมันในกระทะจนร้อน ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนหอม จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนกระทั้งหมูเกือบสุก
2. ใส่มะเขือเปราะ, พริกไทยอ่อน, กระชาย, และน้ำเปล่าลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เดือด จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา, เกลือ, พริกชี้ฟ้าแดง และใบมะกรูดลงไปต้มให้เดือด ชิมรสตามชอบ
3. พอทุกอย่างสุกเข้ากันหมด ใส่ใบกะเพราลงไป คนให้ทั่วปิดไฟในเตาตักใส่จานเสริฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ได้เลยค่ะ


Sauerkraut ผัดไข่ (กะหล่ำปลีดองผัดไข่)

เริ่มต้นเขียนบล๊อกกันอีกแล้วหลังจากหนีเที่ยว วันนี้นกเริ่มที่ผัดผักกาดดองกับไข่เมนูง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ชอบกิน แต่ด้วยความที่ไม่มีผักกาดดอง นกใช้ ผักกะหล่ำปลีดอง (Sauerkraut ) ของเยอรมันผัดแทน เจ้ากะหล่ำปลีดอง นี้เป็นส่วนประกอบของอาหารเยอรมันซึ่งเค้าจะกินคู่กับไส้กรอก(sausage) นกคิดว่าเพื่อนชาวครัวที่อยู่เยอรมันคงรู้จักกันดี กะหล่ำปลีดองจะมีรสชาติออกเปรี้ยวเหมือนๆกับผักกาดดอง ถ้าเพื่อน ๆ ที่ชอบผัดผักกาดดองกับไข่ แต่ไม่มีผักกาดดองลองมาใช้กะหล่ำปลีดองผัดแทนดูนะค่ะ เผื่อว่าจะถูกใจเหมือนกับนก อีกอย่างกะหล่ำปลีดองนี้หาซื้อง่ายกว่าผักกาดดอง แถมราคาไม่แพงด้วยนะค่ะ



ส่วนผสม
กะหล่ำปีดอง ตามชอบ (นกใช้ประมาณ 2 ถ้่วย)
กระเทียมสับ 3-4 กลีบ

ไข่ไก่ 3 ฟอง

น้ำตาลทราย 2 ชช

น้ำมันหอย 1 ชต

น้ำปลา/ซีอิ๊วขาว 1- ชช

พริกขี้หนู 3-4 เม็ด (นกไม่มีไม่ได้ใส่)

พริกไทยป่น ตามชอบ

น้ำมันสำหรับผัด 2 ชต.

วิธีทำ

1.ปีบน้ำออกจากกะหล่ำปลีดองให้แห้ง จากนั้นพักไว้

2.ตั้งกระทะบนเตาใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง น้ำร้อนนำกระเทียมลงไปเจียวให้พอเหลืองหมอ จากนั้นใส่ผักกะหล่ำปลีลงผัด ผัดจนกะหล่ำปลีดองสลด

3.เกลี่ยผักกาดดองไว้ข้างๆ กระทะ ตอกไข่ลงไปตรงที่ว่าง จากนั้นเขี่ยไข่แดงให้แตกกระจายแล้วจึงเกลี่ยกะหล่ำปลีดองมากลบไข่ ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว พริกไทยป่น และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันพอไข่สุก ชิมรสตามชอบ
4.โรยพริกสดลงไปผัดให้เข้ากันจนทั่ว จากนั้นปิดไฟในเตาตักใส่จานยกเสริฟ คู่กับข้าวสวย หรือจะเป็นข้าวต้มได้เลยค่ะ


ผัดเผ็ดถั่วฝักยาวไก่งวงสับ






ส่วนผสม
ถั่วฝักยาว 150 กรัม
ไก่งวงสับ 200 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 3-4 กลีบ
พริกสด 5-6 เม็ด
เกลือ หยิบมือ
ซีอิ้วขาว/น้ำปลา 1ชต
น้ำมันหอย 1 ชต
น้ำตาลทราย 1 ชช
น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำ
1. นำถั่วฝักยาวมาล้างให้สะอาด หั่นซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ พักไว้
2. นำกระเทียม พริก และเกลือ โขลกให้แหลกพอประมาณ
3. เปิดไฟในเตาใช้ไฟปานกลาง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่พริกกระเทียมเกลือที่โขลกไว้ลงไปผัดให้พอหอม จากนั้นใส่ไก่งวงสับลงไป ผัดจนไก่งวงเริ่มสุกแล้วจึงเติมซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) น้ำมันหอย และน้ำตาลทรายลงไปผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4.ใส่ถั่วฝักยาวที่หั่นไว้ลงไป และผัดต่อไปประมาณ 2-3 นาที จนกระทั้งถั่วฝักยาวสุก ปิดเตาตักใส่จานยกเสริฟได้เลย

***เนื้อที่่ใช้จะเปลี่ยนเป็นหมูสับ หรือไก่สับ ก็ได้แล้วแต่จะชอบ จริงๆ แล้วนกกะจะผักกับหมูสับ แต่บังเอิญมีไก่งวงเหลือจากทำลาซานญ่า เมื่อวานติดตู้เย็นอยู่อีก เลยเอามาจัดการเสียเลย***


แกงจืดเต้าหู้ยัดไส้หมูสับ

หากพูดถึงแกงจืดหรือต้มจืดแล้วละก็ มีหนึ่งในแกงจืดที่ชื่นชอบ และทำอยู่เป็นประจำก็คงเป็นแกงจืดเต้าหุ้ยัดไส้หมูสับนี้ละค่ะ ส่วนผสมเครื่องปรุงไม่มากมาก สะดวกรวดเร็ว ยิ่งเรื่องเต้าหู้แข็งสำหรับนกแล้วยิ่งหาง่ายเพราะทำเอง ดีเหมือนกันนะค่ะ การที่เรามาอยู่ไกลบ้านอย่างนี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง นกทำเต้าหู้แข็งที่หนึ่งประมาณ ครึ่งกิโลกรัม แบ่งเอาไปทอด ที่เหลือก็เอาไว้แกง ผัด และก็ต้มจืดอย่างที่เห็นนี้ละค่ะ



ส่วนผสม
เต้าหู้แข็งหั่น สามเหลี่ยม 8 ชิ้น
หมูสับ 300 กรัม
ผัดกาดขาวหั่นชิ้นพอคำ 8 ใบ
ซีอิ้วขาว 2 ชต
ต้นหอมผักชี หั่นเป็นท่อน ๆ 4 ต้น
พริกไทยป่น 1 ชช
น้ำมันหอย 2 ชต
น้ำตาลทรายเล็กน้อย
ซุปไก่ก้อน 1 ก้อน
สาหร่าย   ตามชอบ
น้ำเปล่า 3 ถ้วย

วิธีทำ
1.นำหมูสับผสมกับน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เข้ากับหมูสับ พักไว้ประมาณ 15-20 นาที
2.นำเต้าหู้แข็งที่หั่นเป็นสามเหลี่ยมาผ่ากลาง จากนั้นเอาหมูสับที่ผสมเรียบร้อนแล้วยัดใส่ตรงกลางของเต้าหู้ จากนั้นนำไปนึ่งประมาณ 25 นาที หรือจนกระทั้งหมูสุก พักไว้
3.เปิด เตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อ ใส่ซุปไก่ก้อนลงไป พอน้ำเดือดตักเต้าหู้ยัดไส้หมูสับลงไป ต้มสัก 5 นาทีให้น้ำซุปเข้าเนื้อ จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว และน้ำตาลทรายเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ
4. ใส่ผักกาดขาวลงไปต้ม พอผักเริ่มสุกใส่ สาหร่ายต้นหอมและผักชีที่หั่นเป็นท่อนแล้วใส่ลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันปิดไฟในเตาตักใส่ถ้วย โรยด้วยพริกไทยป่นเล็กน้อย ยกเสริฟได้เลยค่ะ

***เต้าหู้ที่เห็นนกทำเองไม่ได้ซื้อเค้าหรอกค่ะ ถ้าเพื่อนๆ สนใจที่จะทำเต้าหู้แข็งเองแวะอ่านสูตร โดยคลิ๊กที่รูปภาพข้างล่างก็จะไปยังสูตรที่นกได้เขียนไว้นะค่ะ***

หมูยอ/ไก่ยอ

ยำหมูยอเมนูที่หลายๆ คนชอบ นกเองก็ชอบเช่นกัน แต่อยู่ต่างแดนจะหาหมูยอ ส. ขอนแก่น ได้ที่ไหนกัน หรือถ้ามีขายก็ไม่สบายใจเรื่องสารกันบูดอีก เมืือหาซื้อไม่ได้อยากกินก็ต้องทำเอง และแล้วนกก็ได้หมูยอกินสมใจเลยอยากเอามาแบ่งปันเพื่อนๆ ชาวครัว เผื่อว่าหาหมูยอไม่ได้เช่นกัน



ส่วนผสม
เนื้อหมู 1/2 กก
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 1 ชช
พริกไทยป่น 1-2 ชช (แล้วแต่ชอบ)
กระเทียม 4-5 กลีบ
น้ำตาลทราย 2 ชช
ผงฟู 1/2 ชช
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

วิธีทำ
1.เอาเนื้อหมูไปแช่ให้เย็นจัด แล้วนำไปปั่นใน Food Processor จนละเอียด

2.
จากนั้นใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปปั่นให้เข้ากัน ช่วงนี้เนื้อหมูจะเริ่มคลายความเย็น ให้ใส่น้ำแข็งทุบละเอียดลงไปปั่นจะทำให้หมูยอเหนียวขึ้น
3.
นำหมูที่ได้ห่อด้วยใบตอง (นกไม่มีใบตอง) ห่อด้วยถุงพลาสติกทนความร้อน หรือถ้าไม่มีใช้กล่องพลาสติกแบบทนความร้อนแทน อัดเนื้อหมูให้แน่นอย่าให้มีรช่องอากาศข้างใน เพราะจะทำให้หมูยอเนื้อไม่แน่นสวย 4.นำหมูไปนึ่งประมาณ 25-30 นาที หรือจนกระทั้งหมูสุกค่ะ เสร็จแล้วพักให้เย็นเท่านี้ก็ได้หมูยออร่อยๆ ไว้ยำ หรือจะนำใส่ในก๋วยเตียวก็อร่อยแล้วละค่ะ


***บางคนทำหมูยอจะใส่มันหมูลงไปด้วย แต่ของนกที่ทำไม่ได้ใส่แต่นกใช้เนื้อติดมันนิด ๆ มาทำนะค่ะ แต่ทำเฉพาะเนื้อแดงก็ได้เช่นกันแล้วแต่จะชอบนะค่ะ ส่วนไก่ยอก็ใช่สูตรและวิธีทำเหมือนกัน ๆ กันค่ะ สิ่งที่สำคัญเนื้อจะต้องเย็นจัด เนื้อที่เราบดจะนุ่มเหนียวกรอบอร่อยค่ะ นี้เป็นหมูยอที่นกทำใหม่ๆ เลยหั่นมาให้ชมกันค่ะ***






ผัดเผ็ดซี่โครงหมู

ผัดเผ็ดหรือผัดพริกแกงเผ็ดเมนูอาหารปักษ์ใต้จานโปรด นกเห็นหลาย ๆ คน เวลาผัดเผ็ดซี่โครงหมู จะที่จะใส่พริกไทยอ่อน มะเขือเปราะ หรือผักอื่น ๆลงไปเพิ่มความอร่อยและสีสรรของอาหารที่ทำ แต่สำหรับนกแล้ว หากผัดเผ็ดซี่โครงหมูนกมักจะผัดแบบง่ายๆ ไม่ใส่ผักอะไร มีแต่พริกแกงเผ็ด แบบว่าชอบซี่โครงหมู ยิ่งเป็นกระดูกอ่อน ๆแล้วยิ่งชอบใหญ่




ส่วนผสม
ซี่โครงหมู ตามชอบ
น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ชต
ซีอิ้วขาว/น้ำปลา 1 ชต
น้ำตาลทราย ตามชอบ
นมข้นจืด 1/2 ถ้วย (แบ่งออกเป็น 2 ส่วน)
น้ำมันพืชสำหรับผัด เล็กน้อย (นกใช้ประมาณ 2 ชต)

วิธีทำ
1. นำซี่โครงหมูมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นสับเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ ใส่นมข้นจืดเล็กน้อยลงไปหมักประมาณทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
2. เปิดเตาไฟในเตาใช้ไฟปานกลาง ตั้งกระทะบนเตาใส่น้ำมันลงไป รอจนกระทั้งน้ำมันเริ่มร้อน ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนน้ำพริกละลายและเริ่มหอม จากนั้นใส่ซี่โครงหมูลงไปผัดเคล้าให้เข้ากัน
3.ใส่นมข้นจืดลงไปส่วนหนึ่ง จากนั้นผัดซี่โครงหมูกับเครื่องแกงไปเรื่อยๆ จนหมูเริ่มสุก ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว หรือน้ำปลา และน้ำตาลทราย จากนั้นก็ใส่นมข้นจืดที่เหลือลงไป
4.ผัดให้เครื่องทั้งหมดเข้ากัน ชิมรสตามชอบ หมั่นคนเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มงวดตักใส่จาน จากนั้นตักใส่จานยกเสิรฟได้เลยค่ัะ


น้ำพริกสตอรเบอร์รี่

เมื่อสตอเบอร์รี่หาง่ายกว่ามะม่วงสามฤดู แถมลูกใหญ่ราคาถูกเปรี้ยวเข็ดฟัน อย่างนี้ต้องเอามาตำน้ำพริกเสียเลย หน้าหนาวที่บ้านนาน ๆ ถึงจะตำน้ำพริกสักครั้ง เหตุเพราะกลิ่นกะปิเวลาย่างจะฟุ้งกระจายอยู่ในบ้านไ ม่ไป ไหน กว่ากลิ่นจะหมดหายไป ฉีดน้ำหอมแล้วน้ำหอมอีก กะปิก็ยังหอมกว่าน้ำหอมปรับอากาศเสียอีก นกเกรงใจแฟนคลับ เพราะกลิ่นมันหอมจริงๆ เลยต้องนาน ๆ ทำกินสักที่ ถ้าไม่ทำอะไรกว่าจะกินหมดสตอเบอร์รีก็จะเน่าเสียก่อนไปก่อน เลยจำเป็นต้องทำ ย่างกะปิครั้งนี้ยอมเปิดหน้าต่างให้กลิ่นระบายออกเสียหน่้อย อากาศข้างนอกวันนี้มีแดด แต่ก็หนาวนิด ๆ ไม่หนาวมากเท่าไร เตรียมส่วนผสมให้พร้อมกะปิย่างเสร็จก็ผสมเลย จะได้ไม่ต้องเปิดหน้าต่างนาน ๆ




ส่วนผสม

สตอรเบอร์รี่ ตามชอบ

กะปิย่าง 2 ชช

กระเทียม 5-6 กลีบ
พริกขี้หนูสด ตามชอบ

กุ้งแห้งป่น ตามชอบ (ถ้ามี)

น้ำปลา ตามชอบ

น้ำตาลปี๊บ 2 ชช

น้ำมะนาว 2 ชต


วิธีทำ
1.ล้างสตอรเบอร์รี่ให้สะอาด จากนั้นนำมาหั่นเป็นเส้นๆ พักไว้

2.โขลก พริกขี้หนู,กะเทียม,หอมแดง,ให้ละเอียดตามชอบ ใส่กุ้งแห้งและกะปิย่าง โขลกรวมกับพริกขี้หนู โขลกให้เข้ากัน3.ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ,น้ำปลา, น้ำมะนาว,ชิมรสตามชอบ
4. ใส่สตอรเบอร์รี่ลงไปโขลกรวมกันอีกครั้ง โขลกไม่ต้องให้แรงจนละเอียด ย้ำ ๆ เบาเท่านั้นจากนั้นตักใส่ถ้วยเสริฟคู่ผักสดได้เลย
***ถ้าหากสตอเบอร์รี่ไม่เปรี้ยวพอให้บีบมะนาวช่วยนะค่ะ แต่ของนกวันนี้เปรี้ยวเลยใส่น้ำมะนาวเล็กน้อยนะค่ะ***

ขนมบ้าบิ่น (แบบใช้เตาอบ)

นกไม่ได้ทำขนมไทยนานแล้วค่ะ เพราะทำที่ไรสุดท้ายกินคนเดียวทุกที ถามว่าแฟนคลับทานไม่ขนมไทย บอกได้เลยค่ะว่าไม่ทาน เวลาทำทุกๆ ขนมนกจะให้ชิมดูํเสมอ แต่พอชิมนิดเดียวก็ไม่เอาอีกเลย แต่ขนมบ้าบิ่น ลองชิมนิดหนึ่ง แล้วยังขอชิมดูอีกรอบทานเสร็จแล้ว บอกว่าโอเค แต่ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี



ส่วนผสม
มะพร้าวขูด 2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
แป้งข้าวเหนียว 1 1/2 ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ถ้วย (ไม่มีใช้แป้งมันแทน)
ไข่ไก่ 3 ฟอง (ไข่ไก่เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง และทั้งไข่ขาวไข่แดง 2 ฟอง)
กะทิ 1/2 ถ้วย
กลิ่้นมะลิ 1 ชช
น้ำมันพืชสำหรับทาถาด เล็กน้อย


วิธีทำ
1 นำมะพร้าวขูดฝอยไปผสมกับ แป้งมัน, แป้งข้าวเหนียว, น้ำตาลทราย และกลิ่นมะลิ ให้เข้ากันจนเป็นน้ำกะทิ
2 ใส่ไข่ไก่ทั้งฟองและกะทิ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3 ตักส่วนผสมทั้งหมดใส่ถาด ที่ถาน้ำมันไว้แล้ว นำไปอบด้วยอุณหภูมิ ประมาณ 280 - 300 องศาเซลเซียสประมาณ 25-30 นาทีหรือจนสุกเหลืองทั่ว
4 เมื่อขนมสุก ได้ที่นำออกมาแล้วทาด้วยไข่แดงที่หน้าขนมนำไปอบต่ออีกสักพักจะได้ขนมที่มีหน้าเป็นสีน้ำตาล อบเสร็จนำออกมาทิ้งไว้ให้เย็น ตัดเป็นชิ้นๆเสริฟรับประทานได้ทันที

ยำส้มโอ

นกพึ่งจะเห็นว่าที่ซุปเ้ปอร์นี้เค้ามีขายส้มโอด้วย มาทุกๆ ที่ไม่เห็นเลย หรือว่าไม่ถึงฤดูกาลก็เป็นได้ ในเมื่อเจอะแล้วก็หยิบเลย ตอนนั้นไม่ได้คิดว่ามันราคาเท่าไร พอหยิบดูราคา ไม่แพงนี้ ไม่รอช้าใส่รถเข็นเลย คริๆ แฟนคลับถามค่ะ ว่าทานเป็นด้วยเหรอ คริๆ ไม่รู้จักเสียแล้วว่าผลไม้แบบนี้บ้านฉันมีเยอะ แถมรสหอมหวานอร่อยด้วย ส้มโอนี้ไม่รู้่ว่ารสชาติเป็นอย่างไร ซื้อแล้วค่อยว่ากัน หลังจากทิ้งส้มโอวัน 2 สองวันนี้ได้กฤษ์เสียลงมือเสียที (นกเคยได้ยินว่าส้มโอถ้าไม่ได้ปลอกเปลือกเก็บไว้ได้เป็นอาทิตย์เลยละค่ะ)



ส่วนผสม
ส้มโอแกะเนื้อ 1/2 ลูก
กุ้งต้มสุก ตามชอบ
เนื้อไก่อบฉีกเป็นเส้น ตามชอบ
มะพร้าวคั่ว 1/2 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์บด ตามชอบ
กุ้งแห้งป่น 50-100 กรัม (นกกะเอาประมาณ 1 กำมือ)
น้ำตาลปี๊บ 1 ชต
เกลือป่น 1 ชช
หอมแดงซอย 5-7 หัว
กระเทียมซอย 5-6 กลีบ
พริกแห้งป่น 2 ชต
ผักชีเด็ดใบ ตามชอบ

วิธีทำ
1.ละลายน้ำตาลปี๊บใส่ถ้วย พักไว้ให้เย็น (นกใช้ละลายกับไมโครเวป สะดวกรวดเร็วดี)
2.ปอกเปลือกส้มโอ แกะเอาเฉพาะส่วนเนื้อใส่ชาม ใช้มือแกะ ยีส้มโอในชามให้แตกออกจากกันจนทั่้วเตรียมไว้
3.ใส่กุ้งลวก มะพร้าวคั่ว น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ป่น กุ้งแห้งป่น พริกแห้งป่น หอมแดงซอย และกระเทียมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4.ตักใส่จาน แต่งหน้าด้วย มะพร้าวคั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และผักชี ยกเสิรฟได้เลยค่ะ

***ยำส้มโอนกตักใส่กระทงทองใบใหญ่ กระทงทองของนกทำจากแผ่นปอเปียะนำไปอบให้เหลือง ๆ นะค่ะ ส่วนส้ัมโอที่นกซื้อมามีผิวสีเหลือง มีเปลือกบางกว่าส้มโอสีเขียวของบ้านเรา เสียดายจัง ตอนซื้อกะว่าถ้าเปลือกหนาก็จะเอาเปลือกส้มโอมาทำเปลือกส้มโอเชื่อม แต่พอปลอกดูเอาเปลือกบางนิ ไม่ได้อีกแล้วเปลือส้มโอเชื่อม เสียดายปลอกเปลือกเสร็จคิดได้ว่ายังไม่ถ่ายรูปเก็บไว้เลย ไม่เป็นไรคราวหน้าจะถ่ายรูปส้มโอให้เพื่อนๆ ชมนะค่ะ***

ฮือก้วย /ลูกชิ้นปลาแผ่น/ปลาเส้น

ฮือก้วย/ลูิกชิ้นปลาแผ่น หรือปลาเส้น ชื่อเหล่านี้คิดว่าหลาย ๆ คนคงคุ้นหู หรือเคยได้ยิน ได้รู้จักกันมาบ้าง เค้าจะใส่ในก๋วยเตี๋ยว โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟร์นี้จะเห็นบ่อยที่สุด หรือไม่ก็เอาไปย่างกินกับน้ำจิ้มรสแซบยิ่งอร่อยอย่าบอกใครเชี่ยวค่ะ ที่บ้านนกเองเวลาทำใหม่ ๆสด ๆ พอสุกก็หั่นจิ้มน้ำจิ้มกันเลย ส่วนที่เหลือจะแช่แข็งเอาไว้ใช้เวลาทำก๋วยเตียวนะค่ะ ปลาเส้นที่บ้านสองสามเดือนจะทำสักครั้ง ไม่ได้ทำบ่อยๆ อย่างที่บอกเอาไว้ใส่ก๋วยเตียวนิด ๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธี อย่างวันนี้ทำเสร็จก็แล้วแช่แข็งเอาไว้ ทำก๋วยเตียวอีกเมื่อไรก็เอาออกจากทิ้งไว้ให้น้ำแข็งละลาย จากนั้นก็ลวกน้ำร้อนนิดหน่อยใส่ลงในชามก๋วยเตียว เ่ี่ท่านี้ก็อร่อยแล้วละค่ะ






ส่วนผสม
เนื้อปลาสด 1 กก.
เกลือ 1 ชช
น้ำตาลทราย หยิบมือ
พริกไทยป่น หยิบมือ
ผงฟู 1/2 ชช
น้ำเย็นจัด 4 ชต

วิธีทำ
1. นำมาที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล่และขูดเอาแต่เนื้อปลาล้วน ๆ นำเนื้อปลาที่ได้ไปบดให้ละเอียด
2. ผสม เกลือ น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ผงฟู และน้ำเย็นจัด คนละลายให้เข้ากัน
3. นำไปผสมกับเนื้อปลา บดให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นนำออกจากเครื่องบด แล้วนำมานวดต่ออีกประมาณ 10 นาที คลุมด้วยพสาสติกเอาเข้าช่องแช่แข็ง แช่ไว้ประมาณอีก 30 นาที หรือจะช่องแช่เย็นธรรมดาในตู้เย็นก็ได้ ประมาณ 1-2 ชม
4. พอครบกำหนดนำเนื้อปลามาปั้นให้เป็นเส้นทรงกลม หรือสี่เหลี่ยมตามชอบ จากนั้นนำไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที หรือจนกระทั้งปลาสุก พักทิ้งไว้จนเย็น
5. เมื่อครบกำหนดนำไปทอดให้เหลือสุกสวย ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันทิ้งไว้จนเย็นตัดเป็นเส้นๆ บางหนา ตามชอบ เท่านี้นกก็ได้ลูกชิ้นปลาเส้นกินคู่กับก๋วยเตียว หรือจะลวกกินกับน้ำจิ้มแซบ ๆ ยกเสริฟแฟนคลับแล้วละค่ะ

***จานนี้เป็นปลาเส้นที่นกทำเสร็จแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ จะได้เห็นเนื้อด้านในของปลาเส้นชัด ๆ ไปเลย เพื่อนๆ คนไหนมีปลาเยอะ ลงทำดู ดีกว่าเราไปซื้อทำง่ายไมยากเลย หรือไม่เวลาเพื่อนๆ ทำลูกชิ้นปลาแล้วแบ่งส่วนมาทำปลาเส้นบ้างก็ได้ค่ะจะได้มีหลากหลายในชามก๋วยเตี๋ยวของเรากันนะค่ะ***







ส่วนชามนี้ก็เป็นมาม่าหมูสับ ใส่ปลาเส้นค่ะ




ขนมเครป

ขนมญี่ปุ่นที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีหลากหลายไส้ให้เลือกกินกัน นกไม่ค่อยชอบไส้หวานสักเท่าไร ส่วนใหญ่เวลาซื้อเลือกไส้คาวนะค่ะ เวลาซื้อก็ชอบยืนดูเวลาเค้ัาละเลงแป้งกวาดได้บางฝีมือจริงๆ แป้งบางริมกรอบกรุบอร่อย นกไม่ได้กินนานแล้วเหมือนกัน วันนี้มีน้องคนหนึ่งถามเรื่องแป้งขนมเครป กับแป้งขนมเบื้องเหมือนกันหรือไม่ เลยทำให้นกคิดถึงขนมเครปขึ้นมา เสียดายว่าทำได้ไม่ค่อยสวยเท่าไร เพราะเครปของนกใช้กระทะเทฟล่อนทำ แป้งไม่ค่อยบางอย่างที่เค้าใช้เตาขนมเครปทำกัน แต่รสชาติ เนื้อแป้ง ของนกไม่ด้อยไปกว่าที่เคยซื้อกินที่เมืองไทยเลยค่ะ




ส่วนผสม
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ชต
เกลือป่น หยิบมือ
นมสด 1 ถ้วย
เนยละลาย 1/4 ถ้วย
กลิ่นวานิลา 1/2 ชช

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งพักไว้ จากนั้นเติมน้ำตาลทรายและเกลือ คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
2.เติมเนยละลาย ไข่ไก่ นมสด และกลิ่นวานิลา คนให้เข้ากันจนแป้งเนียนเป็นครีมและเป็นเนื้อเดียวกัน (เวลาคนอย่าให้แป้งเกาะกันเป็นเม็ด)
3.เปิดไฟในเตาใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน เอากระทะตั้งบนเตา ทาเนยบาง ๆ บนกระทะ พอกระทะร้อนตักแป้งใส่กระทะประมาณ 1 1 ทัพพี หยอดลงบนกระทะ กรอกแป้งให้ทั่วกระทะ พักแป้งบนเตา
4.พอแป้งเริ่มสุก ให้เติมไส้ที่ต้องการ โดยทาเกลี่ยไส้ให้ทั่วๆแป้งเครป แต่ถ้าไส้เป็นชิ้นหนาๆ่ให้วางไว้แค่ครึ่งหนึ่งของแป้ง ใช้เกรียงแซ่ะขอบ พับครึ่งก่อน แล้วจึงพับประกบด้านซ้าย ขวา ใส่ซองเครปแบบกระดาษที่เตรียมไว้ตามชอบได้เลย

***นกไม่มีซองเครปกับเค้าหรอกค่ะ นกพับเสร็จแล้วก็จัดใส่จานยกเสริฟร้อนๆ คนชิมคอยชิมอยู่แล้วค่ะ วันนี้ทำสองไส้คือไส้หวานกับไส้คาวนะค่ะ อย่างที่นกบอกนกไม่มีเตาเครป ถ้ามีเตาเครปจะละเลงแป้งได้ง่ายกว่าการกรอกแป้งบนกระทะ เพราะแป้งที่ได้จะมีความหนาบางที่ต่างกันอยู่***




กระทงทูน่า

โดยปกติที่บ้านหากมีงานเลี้ยงแบบบุฟเฟต์ (Buffet) หรือ Finger Buffet ซึ่งเป็นอาหารที่ใช้มือหยิบกินเสียส่วนใหญ่ เวลาทำนกมักจะเติมแต่งโน่นนิด เพื่อให้เกิดความน่ากิน และทำให้คนกินรู้สึกอร่อยพิเศษจากขนมปังธรรมดา นกเคยสังเกตถ้าทำทูน่าแซนวิด เฉย ๆ คนจะไม่คอยหยิบเ่ท่าไร แต่พอนกทำให้รูปแบบใหม่ คนอยากชิม อยากลองแถมยังติดอกติดใจ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีส่วนผสมที่แตกต่างกันเลย




ส่วนผสม
ขนมปัง 10 แผ่น
ปลาทูน่าในน้ำเกลือ 1 กระป๋อง
มายองเนส ตามชอบ
พริกไทยป่น หยิบมือ

เกลือป่น หยิบมือ

หอมหัวใหญ่ ขนาดกลาง 1/2 หัว

แตงกวา 1/2 ลูก (ถ้ามี)


วิธีทำ
1. เทน้ำเกลือในปลาทูน่าิทิ้งออกไปให้หมด เอาเฉพาะเนื้อปลา จากนั้นนำมายีพอแหลก
2. นำหอมใหญ่และแตงกวามาหัั่่นซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าตามชอบ (แตงกวาให้เอาส่วนของเมล็ดแตงออกให้เหลือเฉพาะเนื้อเพราะเนื้อ เพราุ้ะถ้าใส่ส่วนที่เป็นเม็ดไปจะทำให้แฉะเป็นน้ำ) จากนั้นผสมด้วยมายองเนส เพิ่มรสชาติด้วยมพริกไทยป่น เกลือป่นได้ ตามชอบ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันคะ (เวลาใส่มายองเนสสังเกตุอยากให้ส่วนผสมเหลวแฉะเกินไปก็ใช้ได้แล้ว) นำเข้าตู้เย็นรอกระทง
3. นำขนมปังทีี่ใช้สำหรับทำกระทงมาัตัีด โดยใช้พิมพ์กดคุ๊กกี้แบบกลมขนาดใหญ่กว่าถ้วยสำหรับทำเค้กมาตัด หรือจะตัดเป็นสี่เหลี่ยมก็ได้ตามชอบ จากนั้นนำขมมปังที่ตัดมาจับจีบให้เป็นรูปดอกไม้วางกดลงในถ้วย นำเข้าเตาอบประมาณ 10 นาที หรือจนกระทั้งกรอบเหลืองสวยเสร็จแล้วก็เอาออกจากเตา วางพักไว้บนตะแกรงเพื่อให้คลายความร้อน
4.นำทูน่าที่แช่พักไว้ตักใส่ในกระทงที่คลายความร้อนเรียบร้อยแล้ว จัดใส่จานราดหน้าด้วยมายองเนสอีกครั้ง เ่ท่านี้ก็ได้กระทงทูน่า น่ารักจุมจิ๋มยกเสริฟได้เลยค่ะ

**นกทำกระทงไว้ 2 แบบ เป็นแบบกลม และสี่เหลี่ยม เพื่อน ๆ ชอบแบบไหนก็เลือกเอานะค่ะ เข้าเตาอบ อบเสร็จออกมาอย่างที่เห็นนี้ ภาพบนนกตัดขนมปังเป็นแบบกลม ส่วนภาพล่างตัดขนมปังเป็นสี่เหลี่ยมละค่ะ ใครชอบแบบไหนแล้วแต่จะเลือกกัน อยู่ที่เราตัดขนมปังนะค่ะ นกเอามาให้ดูทั้งสองแบบ และ
สำหรับเศษขนมปังที่เราตัด อย่าทิ้งให้นำมาทำขนมปังเนย วิธีการคือนำขนมปังที่เหลือมาทาเนย แล้วตัดให้เป็นเส้นความกว้างยาวตามชอบ จากนั้นโรยด้วยน้ำตาลทรายนำเข้าเตาอบ อบให้เหลืองกรอบ เท่านี้ก็ได้ขนมปังเนยน้ำตาลไว้เป็นของกินแล้วละค่ะ นี้เป็นขนมปังที่เหลือแล้วนกเอาทำไว้กินคู่กับกาแฟยามบ่ายนะค่ะ***

และนี้ก็เศษขนมปังที่เหลืออย่างที่บอก นกเอามาทำขนมปังอบเนยน้ำตาล ไว้กินเล่นกับกาแฟ ยามบ่าย ค่ะ



หมูผัดพริกแกงไข่เค็ม




ส่วนผสม
เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอคำ 350 กรัม
ไข่แดงของไข่เค็มหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ฟอง
น้ำพริกแกง 2 ชต
พริกชี้ฟ้า หั่นเฉียง 2 เม็ด
ใบมะกรูดหั่นฝอย (ถ้ามี)
น้ำปลา 2 ชช
น้ำตาลทราย 1 ชต
น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ
1. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่ลงไปผัดจนหอมและแตกมัน จากนั้นใส่เนื้อหมูลงไป ผัดจนเนื้อหมูเกือบสุก
2.ใส่ไข่แดงเค็มลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเนื้อหมู ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ใส่พริกชี้ฟ้าแดงผัดให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นตักใส่จานโรยด้วยใบมะกรูดยกเสริฟได้เลยค่ะ

หมูโสร่ง

"หมูโสร่ง ของกินหายากในปัจจุบัน" นี้เป็นบทความที่นกได้อ่านนานมากจนจำไม่ได้ว่าเป็นบทความจากที่ไหน นกว่าเมื่อไรมีโอกาสจะลองทำดูสักครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้ลงทำสักกะที อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนนกไม่ได้เป็นแม่บ้านเข้าครัวเหมือนในปัจจุบันนี้ ตอนอยู่เมื่องไทยมีงานสังสรรส่วนใหญ่พวกเราก็มักจะออกไปกินข้าวนอกบ้าน เลือกร้านอาหารที่ถูกใจสั่ง ๆ ก็จบ แต่พอมาอยู่ต่างแดนเวลามีงานเลี้ยงสังสรร มักจะเลี้ยงกันที่บ้าน นาน ๆ จะเลี้ยงกันที่ร้านอาหารสักครั้ง เพราะการเลี้ยงกันที่ร้านอาหารค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ คงต้องอยู่อย่างพอเพียง สำหรับนกกับแฟนคลับเราสองคนนาน ๆ จะออกไปทานข้าวนอกบ้านสักครั้ง โดยเฉพาะในวันสำคัญ ๆ ไม่ได้ออกไปกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ ดังนั้นเวลามีงานเลี้ยงกับเพื่อน ๆ นกมักจะทำโน่นนี้ไปแชร์กัน ถือเป็นการช่วยเหลือกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือจะเป็นเครื่องดืม เวลานกจะทำเมนูอะไรมักจะทำให้เป็นกลางๆไว้ก่อน คนไทยกินได้ ฝรั่งกินดี มีความสุข และตื่นเต้นกับเมนูที่เราทำไปให้ชิม




ส่วนผสม
เส้นหมี่ไข่/เส้นหมี่ซั่ว 2 พับ (เส้นหมี่ของนกเป็นแบบแห้งพับบาง ๆ )
หมูบดละเอียด 250 กรัม
ซีอิ้วขาว 2 ชต
กระเทียม 3-4 กลีบ
พริกไทย 1 ชช

รากผักชี 1 ราก
เกลือป่น 1 ชช
น้ำมันหอย 1 ชต
แป้งข้าวโพด 1 ชต
น้ำมันงาน 1 ชช
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิีธีทำ
1. โขลกพริกไทย กระเทียม รากผักชี และเกลือให้ละเอียดตามชอบ แล้วนำไปผสมกับเนื้อหมู นวดเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำมันหอย แป้งข้าวโพด และน้ำมันงา จากนั้นนวดให้เข้ากันทั้งหมด นำไปหมักไว้ในตู้เย็น ประมาณ 30 นาที ครบกำหนดนำไปนึ่งให้พอสุก ใช้เวลานึ่งประมาณ 10-15 นาที พักไว้ให้เย็น
2. นำเส้นหมี่ไปลวกแล้วผ่านน้ำเย็น พักให้สะเด็ดน้ำ นำเส้นหมี่มาพันกับหมูที่ปั่นก้อนไว้แล้ว พันจนหมดทุกก้อน แล้วนำไปทอด
3. เปิดไฟในเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างร้อน ตั้งกะทะบนเตาใส่น้ำมันให้พอทอด รอจนน้ำมันร้อน นำหมูโสร่งลงทอดให้เหลืองกรอบ ตักวางบนกระดาษซับมัน จากนั้นจัดใส่จานเสริฟพร้อมน้ำจิ้มบ่วย หรือน้ำจิ้มไก่ตามชอบได้เลยค่ะ

*** เส้นหมี่ของนกเป็นแบบแห้ง จึงต้องเอาไปต้มแล้วนำมาพัน แต่ถ้าเส้่นหมี่ของเพื่อนๆ เป็นแบบเ้ส้นสด ก็นำมาพันกันหมูนวดหมักได้เลย ไม่ต้องนำหมูไปนึ่งก่อน พอพันเส้นเสร็จแล้วถึงจะนำไปนึ่ง ระยะเวลาในการนึ่งใช้เวลา 10-15 นาที เช่นกัน ส่วนวิธีการพัน จะพันมากน้อยแล้วแต่ชอบกัน อย่างวันนี้นกพันไม่มากเท่าไร ยังเห็นเนื้อหมูอยู่เยอะ ถ้าเพื่อนๆ ขยันจะพันให้จนไม่เห็นเนื้่อหมูก็ได้ เวลาพันให้ัเก็บเส้นให้เรียบร้อย เวลานำไปทอดเส้นหมี่ที่พันไว้จะได้มีจะได้ไม่ชี้โด่เด่นะค่ะ***



ข้าวเกรียบมันฝรั่ง/ ข้าวเกรียบกุ้ง

ช่วงนี้นกมีเวลาว่างเยอะ เลยจัดโน่นนี้ไปเรื่อยโดยเฉพาะห้องครัว รื้อข้าวของปรับเปลี่ยนมุม รื้อไปมาไปเจอะแป้งมัน 2 ถุง ที่เพื่อนแฟนคลับซื้อให้นานจนนกลืมไปเลยค่ะ มีเยอะขนาดนี้ ทำอะไรดีเมนูที่ใช้แป้งมันเยอะขนาดนี้ มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือข้าวเกรียบ ไม่รอช้าจัดการเลย วันนี้นกเลือกทำข้าวเกรียบมันฝรั่ง กับข้าวเกรียบกุ้งค่ะ


ส่วนผสมข้าวเกรียบกุ้ง

เนื้อกุ้งสด (ปอกเปลือก) 1 ถ้วย

กระเทียมโขลกละเอียด 2 ชต

พริกไทยปน 1 ชช
เกลือปน 1 ชช
แป้งมัน 2 ถ้วย

น้ำเดือด 1/2 ถ้วย


วิธีทำ

1.โขลกกุ้งให้ละเอียด ใส่กระเทียม พริกไทย เกลือ โขลกให้เข้ากัน

2. ผสมกุ้งกับแป้งมันให้เข้ากัน นวดให้นิ่ม ถ้าแป้งยังแข็งให้ใส่น้ำเล็กน้อยพอให้แป้งจับตัวปั้นเป็นก้อนได้ จากนั้น นำแป้งมาปั้นให้เป็นรูปกลมยาว

3.ปูผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดในลังถึง วางส่วนผสมที่ปั้นไว้ตรงกลางนึ่ง โดยใช้ไฟแรงประมาณ 1 ชมหรือจนกระทั้งสุก จากนั้นก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 4-5 ชม (ให้แป้งแข็งตัวเพื่อจะได้หั่นง่าย ๆ แต่อย่าให้แข็งตัวมากเกิืนไปจะหั่นยาก หรืออ่อนตัวเกินไปก็จะติดมือหั่นไม่ได้)

4.จากนั้นก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา1วัน เอาออกมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำตากให้แห้งสนิท ประมาณ 1-2 แดด (ที่บ้านไม่ค่อยมีแดด เลยตากประมาณ 2 วัน) จากนั้นนำไปทอดได้เลยค่ะ
5.เวลาทอดใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ทอดน้ำมันมาก ใส่ข้าวเกรียบทีละน้อย ช้อนข้าวเกรียบตลอดเวลา ให้ข้าวเกรียบพองเสมอกันทั่ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักให้เย็นแล้
วนำบรรจุถุง เท่านี้ก็ได้ข้าวเกรียบอร่อยๆ ไว้เลี้ยงในงานสังสรรแล้วละค่ะ

***นอกจากข้าวเกรียบกุ้งแล้ว นกยังทำข้าวเกรียบฟักทอง ข้าวเกรียบมันฝรั่ง ข้าวเกรียบแครรอท ซึ่งส่วนผสมและวิธีการทำคล้าย ๆ กับข้าวเกรียบกุ้ง แต่จะไม่มีส่วนผสมของน้ำเดือด เพราะผักจะมีน้ำอยู่ในตัวแล้ว การใส่ส่วนผสมของผักจะใส่สัดส่วนของ ผักให้น้อยกว่าสัดส่วยของแป้ง ครึ่งหนึ่ง เช่นข้าวเกรียบฟักทอง ถ้าใช้แป้งมัน 2 ถ้วย เนื้อฟักทองบดจะใช้ 1 ถ้วย เป็นต้น การทำข้าวเกรียบผัก จะต้องบดผักที่ใช้่อย่างละเอียด แล้วนำมาผสมกับแป้งในขณะที่ผักบดยังร้อนอยู่ไม่ต้องคอยให้เย็นนะค่ะ และจะต้องใส่น้ำมันพืชลงไปสักเล็กน้อย เพื่อให้แป้งนวลไม่ติดมือ การนวดส่วนผสมจะต้องไม่เหลวเกินไป หรือแข็งเกินไป นะค่ะ***


ส่วนผสมของข้าวเกรียบมันฝรั่ง
เนื้อมันฝรั่งบด 1/2 ถ้วย แป้งมัน 1 ถ้วย
กระเทียมโขลกละเอียด 2 ชต

พริกไทยปน 1 ชช

เกลือปน 1 ชช

น้ำมันพืช เล็กน้อย


วิธีทำ
1.โขลกกระเทียม พริกไทย เกลือ โขลกให้ละเอียดเข้ากัน

2.ต้มมันฝรั่งแล้วนำมาบด จากนั้นนำไปแป้งมัน กระเทียมที่โขลกละเอียดไว้แล้ว นวดให้นิ่ม ถ้าแป้งยังแข็งให้ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยพอให้แป้งจับตัวปั้นเป็ นก้อนได้ จากนั้น นำแป้งมาปั้นให้เป็นรูปกลมยาว
3.ปูผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดในลังถึง วางส่วนผสมที่ปั้นไว้ตรงกลางนึ่ง โดยใช้ไฟแรงประมาณ 1 ชมหรือจนกระทั้งสุก จากนั้นก็นำพาสติกมาพันหุ้มให้เรียบร้อย พักให้เย็นแล้วไปแช่ไว้
ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 4-5 ชม (ให้แป้งแข็งตัวเพื่อจะได้หั่นง่าย ๆ แต่อย่าให้แข็งตัวมากเกิืนไปจะหั่นยาก หรืออ่อนตัวเกินไปก็จะติดมือหั่นไม่ได้)
4.จากนั้นก็นำไปแช่ไว้ในตู้เย็น ช่องธรรมดา1วัน เอาออกมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำตากให้แห้งสนิท ประมาณ 1-2 แดด (ที่บ้านไม่ค่อยมีแดด เลยตากประมาณ 2 วัน) จากนั้นนำไปทอดได้เลยค่ะ

5.เวลา ทอดใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ทอดน้ำมันมาก ใส่ข้าวเกรียบทีละน้อย ช้อนข้าวเกรียบตลอดเวลา ให้ข้าวเกรียบพองเสมอกันทั่ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พักใ ห้เย็นแล้วนำบรรจุถุง เท่านี้ก็ได้ข้าวเกรียบอร่อยๆ ไว้เลี้ยงในงานสังสรรแล้วล ะค่ะ

ลาบหมูทอด

ที่บ้านเวลามีงานเลี้ยงสังสรร นกมักจะทำลาบหมูทอดขึ้นโต๊ะอยู่บ่อยครั้ง นกว่าลาบหมูทอดจะติดปากคนที่นี้มากว่าลาบหมูธรรมดา ถ้าจะพูดไปแล้ว เมนูลาบหมูที่บ้านทำบ่อย เพราะแฟนคลับชอบ นกเองก็ชอบ นกเคยทำเลี้ยงสังสรรครอบครัวตอนมาอยู่ใหม่ ๆ แต่ดูแล้วไม่ค่อยจะสนใจ ไม่เหมือนลาบหมูทอด ตั้งโต๊ะ เดี๋ยว ๆ ก็หมด



ส่วนผสม
หมูบด 500 กรัม
พริกป่น ตามชอบ ( นกใช้ 3 ชต)
ข้าวคั่ว 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 2 ชต
ซีอิ้วขาว 1 ชต
น้ำมะนาว ตามชอบ
แป้งสาลี 3 ชต
หอมแดงหั่นซอย 4-5 หัว
ต้มหอมหั่นซอย 3-4 ต้น

วิธีทำ
1. นำหมูสับมาผสมกับพริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย ต้นหอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และใส่แป้งสาลีลงไปคลุกเคล้าให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันอีกครั้ง
2. นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดตามชอบ อย่าให้หนาเกินหรือบางเกินไป เพราะบางเกินไปก็จะแห้งแข็ง หนาเำกินก็จะทอดไม่สุข ปั้นเสร็จลองทอดดูสักก้อนก่อน เพื่อชิมและดูว่าขนาดได้หรือไม่
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เปิดไฟปานกลาง รอจนกระทั้งน้ำมันร้อน นำก้อนลาบที่ปั่้นไว้แล้วลงทอด ทอดจนเหลืองสุกได้ที่ ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมันจนสะเด็ดน้ำมัน แล้วก็ตักใส่จาน ยกเสริฟคู่กับผักสดตามชอบได้เลย

***สำหรับน้ำมันที่ใช้ทอด ให้ใช้เพียงพอที่จะทอดก้อนลาบไม่้ต้องใส่ให้เยอะไปพอน้ำมันร้อนแล้วหยิบก้อนลาบที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอให้เหลืองแล้วจึงค่อยกลับ ไม่จำเป็นต้องกลับไปมาบ่อยๆนะคะ หากจะทอดชุดใหม่เอาตะหลิวช้อนเศษผักที่คากระทะออกให้หมดเสียก่อน เพราะเดียวจะทำให้น้ำมันดำไหม้ เวลาทอดชุดใหม่จะไม่สวยนะคะ ***




ยำกุนเชียง/กุนเชียงไร้สาร

นกทำกุนเชียงกินเองอยู่เป็นประจำ ถ้าเพื่อนๆ สนใจสูตรกุนเชียงละก็แวะอ่านได้ที่ห้องครัวแปรรูป-ถนอมอาหารนะค่ะ พูดถึงกุนเชียง ที่บ้านจะใช้ทำข้าวผัดเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ทอดกินเฉย ๆ นั้นเป็นเมนูที่แฟนคลับจะกินด้วย แต่วันนี้แฟนคัลบมีประชุม แล้วจะกลับบ้านคำ นกอยู่บ้านคนเดียวอากาศหนาว ๆ เลยต้มข้าวตั้งแต่เ้ช้าเลย ตอนแรกกะจะทอดกุนกินกับข้าวต้มเฉยๆ เปิดตู้เย็นมีแตงกว่า คื่นฉ่ายเลยเปลี่ยนใจเป็นยำกุนเชียงเสียเลย



ส่วนผสม
กุนเชียง 3 แท่ง
แตงกวาหั่นเป็นแว่น ตามชอบ
หอมหัวใหญ่ 1/4 หัว
ขิงซอย 1 แง่ง (เล็กๆ)
คื่นช่ายหั่นท่อน 2 ต้น
ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น
พริกสดหั่นซอย 2-3 เม็ด
น้ำมะนาว 1ชต
ซีอิ้วขาว/หรือน้ำปลา 2 ชช
น้ำตาลทราย 2 ชช
น้ำมันพืช 2 ชต

วิธีทำ
1. ปลอกเปลือกหอมหัวใหญ่ เด็ดขั้วพริกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น นำหอมหัวใหญ่มาซอยบางๆ และซอยพริกเตรียมไว้
2. ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไป รอจนน้ำมันเริ่มร้อนจึงนำกุนเชียงลงมาทอดจนสุก
3. ตักกุนเชียงที่สุกขึ้นพักไว้บนกระดาษซับน้ำมันแล้วนำมาหั่นเฉียงๆ พักไว้
4. ผสมน้ำมะนาว ซีอิ้วขาว/หรือน้ำปลา และน้ำตาลทรายมาผสมรวมกันให้ถ้วยผสม ใส่พริกหั่นซอย และขิงซอยลงไป คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
5. นำหอมหัวใหญ่ซอย แตงกวา คื่นช่าย ต้นหอม และกุนเชียงที่หั่นไว้มาใส่รวมกันในชามผสม เทน้ำยำลงไปแล้วคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากันตักยำกุนเชียงใส่จาน จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลยค่ะ

*** นี้เป็นกุนเชียงไร้สารที่นกใช้ทำยำกุนเชียงวันนี้ค่ะ ถ้าสนใจกดที่รูปก็จะสามารถอ่านสูตรได้ที่ลิงค์เลย หรือจะเข้าไปที่ห้องครัวแปรรูปตามที่นกบอกว่าแต่ต้นได้เลยค่ะ***



ไก่อบราดซอสแกงเขียวหวานสปาเก็ตตี้




ส่วนผสม
เนื้ออกไก่ิอบ 1 ชิ้น
เส้นสปาเกตตีต้มสุก ตามชอบ
กะทิ 1 กป (แยกหัวกะทิ หางกะทิ)
น้ำพริกแกงเขียวหวาน 2 ชต
เห็ดแชมปิญอง หั่นชิ้น 1/4 ถ้วย
พริกหวานหั่นพอคำ 1 ลูก
ใบโหระพา 1 กำมือ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 2-3 เม็ด
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. ใส่หัวกะทิลงในกระทะ ตั้งไฟกลาง เคี่ยวให้แตกมัน ใส่น้ำพริกแกง ผัดพอทั่ว ค่อยๆ ใส่กะทิจนหมด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล คนพอทั่ว ใส่พริกหวาน เห็ดลงไปผัดให้สุก ชิมรสตามชอบ เดือดอีกครั้งปิดไฟในเตาโรยพริกชี้ฟ้าแดง และใบโหระพา คนให้เข้ากันพักไว้
2. หั่นเนื้อไก่อบเป็นชิ้นพอคำ เรียงชิ้นไก่อบใส่จานและจัดเส้นสปาเกตตีใส่จานเดียวกัน ตักซอสแกงเขียวหวานใส่จาน ยกเสริฟได้เลย


***ไก่อบนกใช้ไก่อบที่เหลือจากเมื่อวาน เอาไปอุ่นให้ร้อน อีกครั้ง ส่วนผักที่ใส่ในแกงแล้วแต่จะชอบกัน วันนี้ที่บ้่านนก มีผักไม่กี่อย่างเลยใส่เท่าที่มี แต่ถ้าเพื่อน ๆ มีมะเขือพวง มะเขือเปราะ ข้าวโพดหวาน ก็ใช้ได้เช่นกันค่ะ ส่วนไก่อบ นกไม่ได้ลงสูตรไว้ แต่คิดว่าหลายๆ บ้านคงทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ไก่อบแล้วแต่สูตรของแต่ละบ้าน หากไม่มีเนื้อส่วนหน้าอก จะใช้เนื้อส่วนอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ***

สาคูเปียกข้าวโพด

มาอีกแล้วจ๋า... ขนมหวานไทยถูกใจคนไทย ถ้าจะบอกว่าสาคูเป็นอะไรที่หาซื้อง่ายในซุปเปอร์ฯ ทั่ว ๆ ไปเพื่อนๆ จะเชื่อไม่ค่ะ ตอนเห็นครั้งแรกถามแฟนคลับว่าคนที่นี้กินสาคูกันด้วยเหรอ แฟนคลับบอกหลายๆ คนชอบ แต่เค้าไม่ชอบ สาคูที่นี้เค้าจะเอาไปทำเมนูที่เรียกว่า tapioca pudding ซึ่งต่างกับเราตรงที่ เค้าจะใช้นมแทนน้ำกะทิ นกละสงสัยว่าเค้าทำกันอย่างไร เลยเข้าไปอ่านสูตรและวิธีทำ บอกได้เลยค่ะสู้ของเราไม่ได้เลยค่ะ ของเราน่ากินกว่ากันเยอะ



ส่วนผสม
สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
ข้าวโพด 1 กป
ัหัวกะทิ 1/2 ถ้วย
เกลือป่น หยิบมือ
น้ำตาลทราย ตามชอบ (นกใช้ัประมาณ 4 ชต)
น้ำเปล่า ตามชอบ (นกกะใช้ประมาณ 3-4 ถ้วย)

วิธีทำ
1. นำสาคูเทใส่ในกระชอนร่อนเอาเศษผงออกเปิดน้ำผ่านเสียก่อนเพื่อล้างฝุ่นที่เกาะเม็ดสาคูออก สงให้สะเด็ดน้ำ แล้วพักไว้
2. ต้มน้ำเปล่าจนเดือด เทสาคูลงไปและคอยคนให้ทั่วสาคูจะได้ไม่ติดก้นหม้อ ต้มทิ้งไว้สักครู่ จนสาคูมีลักษณะเป็นตากบ (ข้างนอกใสข้างในเป็นสีขาว)
3. ใส่น้ำตาลลงไปคนน้ำตาล และัข้าวโพดลงไปคนให้เข้ากัน พอเม็ดสาคูสุกใสไม่มีไตขาวปิดไฟในเตาให้ยกลงได้เลย
4. ้นำหัวกะทิประมาณ 1 ถ้วย ใส่หม้อเติมเกลือ ยกขึ้นตั้งไฟ คนให้ละลาย พอกะทิเริ่มเดือดยกลง ตักสาคูเปียกใส่ถ้วยหยอดหน้าด้วยหัวกะทิเสิรฟได้เลยค่ะ

***ถ้าสาคูข้นขึ้นให้เติมน้ำร้อนลงไป เพราะเวลาเย็นสาคูจะแห้งข้นขึ้นอีก เรื่องความหวานถ้าต้องการให้หวานอีก ก็ให้เพิ่มน้ำเชื่อมลงไปในหม้อ หรือเวลาทำหัวกะทิราดสาคูก็ให้ผสมน้ำตาล ไม่ต้องใส่น้ำตาลเวลาต้มสาคูก็ได้เช่นกันค่ะ***




หมูผัดผักกาดดองเค็ม




ส่วนผสม
เนื้อหมู 400 กรัม (นกซื้อจากที่เค้าหั่นมาเสร็จแล้วจากซุปเปอร์ฯ)
ผักกาดดองเค็ม (เกี่ยมฉ่าย) 1 กป
น้ำมันหอย 1 ชต
น้ำตาลทราย 2 ชช
เกลือป่น หยิบมือ
พริกไทยป่น 1 ชช
พริกป่นหยาบ ตามชอบ
น้ำมันสำหรับผัด ตามชอบ

วิธีทำ
1. นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วนำเกลือป่นมาโรย คลุกให้ทั่วเินื้อหมู พักไว้
2. เอาผักกาดดองเค็มมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดตามชอบ และเก็บน้ำผักกาดดองเอาไว้ใช้ผัด
3. เปิดไฟในเตาใช้ไฟปานกลาง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนให้ใส่หมูลงไปทอดจนหมูค่อนสุกเหลืองคล้าย ๆ หมูทอด จากนั้นตักวขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นเทน้ำมันออกจากกะทะให้หมด
4. เทหมูลงกะทะใหม่อีกครั้ง จากนั้นเทน้ำผักกาดดองลงไปผัดเนื้อหมู ใส่พริกไทยป่น พริกป่นหยาบลงไป ผัดไปเรื่อยๆ จนน้ำเกือบจะแห้งจากนั้นจึงนำผักกาดดองเค็มที่หั่นไว้ใส่ลงไปผัดต่อ เติมน้ำมันหอยและน้ำตาลทราย ผัดให้เครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากันชิมรสตามชอบ เสร็จแล้วปิดไฟในเตาตักใส่จานยกเสริฟคู่กับข้า่วต้ม หรือข้าวสวยร้อน ๆ ได้เลยค่ะ

***ผักหมูผักกาดดองเค็มจะมีรสเค็มๆ หวาน ๆ และเผ็ดเล็ก ๆ ถ้าบ้านไหนมีเด็กไม่ต้องใส่พริกป่นก็ได้นะค่ะ เด็กๆ จะได้กินได้นะค่ะ วันนี้นกใส่พริกป่นนิดหน่อย เพราะมันหมด นกชอบกินคู่กับข้าวต้มกุ๋ยร้อน ๆ ยิ่งอากาศเย็น อย่างนี้ได้ข้าวต้มสักถ้วยคงทำให้ร่างกายอุ่นขึ้ันอีกเยอะเลยละค่ะ สำหรับเกลือนกใส่ไม่เยอะเพราะผักกาดดองมีความเค็มอยู่แล้ว ถ้าใส่เยอะไปจะทำให้ยิ่งเค็มขึ้นไปอีกนะค่ะ แตุ่ถ้าเพื่อนๆ ชอบเค็มให้เพิ่มเกลือให้นิดหน่อย แต่ทางที่ดีชิมผักกาดของเราก่อนว่ามีรสชาติอย่างไรจะได้ใส่เกลือไดุ้ถูกนะค่ะ***

Chocolate and Beer Cake

มี หลาย ๆ คนถามนก "ทำไม่ถึงได้เก่งในเรื่องการทำอาหาร และทำได้หลายๆประเภท" คำตอบของนกที่ตอบอยู่เป็นประจำก็คือ......นกไม่ได้เก่งการทำอาหารมาตั้งแต่ เริ่มต้น เครื่องปรุงหลายๆ อย่างก็ไม่รู้จัก เหตุเพราะตัวเองเข้าครัวน้อยหรือจะบอกได้ว่าไม่ได้เข้าครัวทำอาหารเลยก็ว่า ได้ค่ะ นกมาเริ่มต้นจริงๆ จังๆ ก็เมื่อมีครอบครัวเป็นแม่บ้าน ซึ่งเป็นเหตุบังคับให้เราต้องทำให้เป็นทำให้ได้ ดังนั้นอาหารหลายๆอย่างเกิดจากแม่ที่คอยให้ความรู้ คอยบอกไม่เข้าใจก็จะโืทรไปถามท่านอยู่เสมอๆ นอกเหนือจากแม่แล้ว นกก็ยังมีตำราอาหารที่มีอยู่มากมายตามร้านหนังสือเป็นครูช่วย สอนทำให้เกิดความรู้ ซึ่งนกมักจะเข้าไปเดินดู และเลือกซื้อหาติดมือมาเป็นประจำนกเชื่อว่าคนเราต้องมีการฝึกฝน หัดทำ ถึงจะพัฒนาฝีมือของตนเองไปได้ไม่มีใครเก่งคิดได้เองในทันที่ทันใดโดยไม่เคย จับต้อง และไม่เคยได้เห็นหรือมีใครบอกและฝึกมาก่อน นกเองก็เป็นเช่นนั้น เมื่อนกเริ่มที่จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรก็สามารถปรับประยุกต์ให้เป็นไปใน สิ่งที่ตนเองชอบ นกว่าการทำอาหารก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ใครชอบแบบไหนก็ปรุงแต่งในแบบของตน เอง เพื่อน ๆ ว่าจริงๆไม่ค่ะ วันนี้นกมีเค้กมากฝากเพื่อน ๆ แต่นกเพิ่มความแปลกไปโดยใช้เบียร์เป็นส่วนผสมในการทำเค้กตัวนี้จากเดิมที่เป็นสูตรเค้กชอคโกแลต์ธรรมดา ที่นกทำอยู่เป็นประจำนะค่ะ





ส่วนผสมตัวเค้ก
ผงโกโก้ 50 กรัม (cocoa powder)
เบียร์ 200 มิลิลิตร
เนยสดรสจืด 110 กรัม
น้ำตาลทรายป่น 275 กรัม (นกใช้ Dark soft brown sugar)
ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 180 กรัม
ผงฟู 1/4 ชช
โซดาไบคาร์บอร์เนต (เบคกิ้งโซดา) 1 ชช

ส่วนผสมสำหรับไอซิ่งแต่งเค้ก
น้ำตาลไอซิ่ง 120 กรัม
เนยสดรสจืด 60 กรัม
เบียร์ 2 ชต
Dark Chocolate 110 กรัม
Walnut บดหยาบ ๆ 25 กรัม (นกทุบเอาพอแตก ๆ )
Walnut ไ้ว้ตกแต่งหน้าเค้ก ตามชอบ

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาซี เริ่มที่ตัวเค้กก่อน โดยผสมผงโกโก้ กับเบียร์ คนให้ทเข้ากันพักไว้ (เวลาผสมให้เทเบียร์ลงไปที่ละน้อย แล้วค่อยๆ คนให้เข้ากันทำอย่างนี้จนเบียร์หมด)
2. นำเนยสด และน้ำตาลใส่ลงในอ่างผสม จากนั้นตีเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อครีม (เนยสดที่ใช้จะต้องทิ้งไว้ในอุณภูมิห้อง ให้เนยอ่อนตัวแล้วถึงจะนำมาใช้)
3. นำส่วนผสมของแป้ง ผงฟู และโซดาไบคาร์บอร์เนต (เบคกิ้งโซดา) มาร่อนรวมกันสองครั้ง พักแป้งไว้
4. ตอกไข่ลงในอ่างผสมที่ละฟอง ตีให้ส่วนผสมของไข่เข้าเป็นเนื้อเดียวกับส่วนผสมของเนยและน้ำตาล
5. นำส่วนผสมของแป้งที่ร่อนไว้แล้งใส่ลงในอ่างผสมตีให้เข้ากันอีกครั้ง (เวลาตีให้ใช้ความเีร็วตำตีก่อนป้องกันการกระจายของแป้ง)
6. เมื่อส่วนผสมเข้ากันเป็นที่เรียบร้อยให้แบ่้งตัวแป้งเค้กออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน เอาเข้าเตาอบ อบประมาณ 35 นาที หรืออบจนกระทั้งสุก ( เตาอบแต่ละบ้านไม่เท่ากัน เวลาอบให้เช็ดดูว่าเค้กของตนเองด้วย) อบเสร็จแล้วให้นำเค้กมาพักให้เย็น อัีนนี้แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน
7. เมื่อเค้กเย็นสนิืทแล้วจึงมาทำไอซิ่งแต่งหน้าเค้ก โดยนำเนยแต่น้ำตาลไอซิ่งตีเข้าด้วยกัน (เวลาตีน้ำตาลไอซิ่งให้ใส่ที่ละน้อย ไม่อย่างนั้นน้ำตาลจะฟุ้งกระจาย) ตีจนกระทั้งจนกลายเป็นเนื้อครีม ใส่เบียร์ 2 ชต ลงไป คนให้เข้า ๆกัน
8. นำ Dark Chocolate ไปตุ่นให้ละลายจนหมด เสร็จแล้วเทลงไปในไอซิ่งครีมที่ตีไว้ ตีให้เข้ากันอีกครั้ง เสร็จแล้วแบ่งออกเป็น สามส่วน โดยหนึ่งส่วนเป็นไส้เค้กให้ใส่ Walnut บดหยาบลงไป คนให้เข้ากัน อีกสองส่วนไว้แต่งหน้าเค้ก
9. จัดการแต่งหน้าเค้กตามชอบได้เลย (ไอซิ่งChocolate ค่อนข้างจับตัวเร็วให้รีบแต่งหน้าอยางทิ้งไว้ ไม่นั้นมันจะแข็งตัว) แต่งหน้าเสร็จตัดใส่จานยกเสริฟได้เลยค่ะ

***ตัดมาให้ชมเห็นเนื้อเค้กด้านในกันอีกรอบ ก่อนยกเสริฟให้แฟนคลับชิมเสียก่อน จากนั้นตัดแบ่งไปให้พ่อแม่ที่บ้าน เค้กนี้กะจะทำให้แฟนคลับนำไปแจกเพื่อน ๆ ในงานเลี้ยงคริสมาสต์ของบริษัทที่จะถึงพร้อมกับเค้กอีกชิ้นที่มีเสียงบอกกล่าวให้ทำมาล่วงหน้านี้แล้ว***





*** สำหรับเบีียร์เพื่อน ๆ จะใช้เบียร์อะไรยี่ห้อไหนก็ได้แล้วแต่จะชอบนะค่ะ ของนกวันนี้เลือกใช้เบียร์ที่เห็นในภาพนี้่ละค่ะ เห็นบอกว่าเป็น King's of Beer นกเป็นคนไม่ดืมเบียร์ เลยเอามาทำขนมเสียเลยจะได้รู้ว่ามันอร่อยจริงอะป่าว***



หมูสามชั้นผัดพริกแกงมะเขือพวง





ส่วนผสม
เนื้อหมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็ก ๆ พอคำ 350 กรัม
มะเขือพวง ตามชอบ
น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ชต
น้ำปลา 1 ชต
ใบโหระภาพ ตามชอบ
พริกชี้ฟ้า/พริกขี้หนูสด หั่นเฉียง ตามชอบ
น้ำตาลทราย ตามชอบ
น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำ
1. เอาน้ำมันใส่กระทะนิดหน่อยให้พอผัดเครื่องแกง จากนั้นเอากระทะตั้งบนเตาใช้ไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนหอมแตกมัน ใส่เนื้อหมูลงผัดจนเนื้อหมูสุก ผัดให้มันหมูสามชั้ันออกสักหน่อย
2. ใส่เนื้อหมูลงผัดจนเนื้อหมูสุก ผัดให้มันหมูสามชั้ันออกสักหน่อย
3. ใส่มะเขือเปาะลงไป ผัดให้เข้ากันจากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ชิมรสตามชอบ
4. เร่งไฟให้ร้อนขึ้นผัดให้ทุักอย่างเข้ากันดี มะเขือพวงสุก ใส่ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้า/พริกขี้หนูสดหั่นเฉียง ผัดให้เข้ากันจากนั้นปิดไฟในเตาตักใส่จานยกเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ได้เลยค่ะ


กุ้งทอด




ส่วนผสม
กุ้งขนาดเล็ก 300 กรัม
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
น้ำปูนใส 1 ชต
เกลือ 1 ชช
น้ำเปล่า 1 ถ้วย (ในที่ละน้อยคนให้แป้งเข้ากันพอผสมกุ้งทอดได้)
สีแดงผสมอาหาร (ถ้ามี)
วิธีทำ
1. นำแป้งข้าวเจ้า น้ำปูนใส น้ำเปล่า และเกลือ ผสมให้เข้ากัน
2. นำกุ้งตัวเล็กใส่ลงในแป้งที่เตรียมไว้คนให้เข้ากับแป้ง จากนั้นแล้วตักทอดในกระทะจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นวางบนกระดาษซับมัน ซับให้สะเด็ดจัดใส่จานเสริฟคู่กับน้ำจิ้มได้เลยค่ะ

***ถ้าต้องการให้กุ้งทอดมีสีสรร ก็ให้หยดสีผสมอาหารลงไปในแป้งคนให้เข้ากัน ก่อนที่จะใส่กุ้ง วันนี้นกแบ่งทำแบบใส่สีและไม่ใส่สีให้เพื่อนๆ เห็นความแตกต่าง แล้วแต่จะชอบกันนะค่ะ ส่วนน้ำเปล่าหากใส่แล้วแป้งยังข้นไม่ได้ ที่ก็ให้เพิ่มน้ำลงไปอีกจนกว่าแป้งสามารถทอดกุ้งได้ก็หยุดเติมน้ำ***


แกงเผ็ดหมูแดงมะระหวาน

ถ้าพูดถึงมะระหวาบางคนอาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าพูดถึงฟักแม้ว หลาย ๆคนต้องร้องอ๋อ และถ้าคิดถึงแกงฟักส่วนใหญ๋ก็จะนึกถึงแต่ฟักเขียว เอามาใช้ต้มแกงตุ๋น มีใครรู้บ้างว่า มะระหวาน,ฟักแม้ว,มะระแม้ว, มะเขือเครือ หรือ ชาโยเต้ (ชื่อภาษาอังกฤษที่คนไทยเรียกกัน Chayote) ก็สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายอย่างเช่นกัน มะระหวานเป็น ผักที่หาง่ายในต่างแดนราคาไม่แพงมากนัก นกมักจะเอามะระหวานมาแกงต้ม ตุน หรือไม่ก็ผัด มะระหวานมีรสหวานกรอบ เวลานำมาปรุงอาหารเนื้อก็ไม่เละ ไม่ว่าเราจะอุ่นต้มกี่ ๆ รอบก็ตาม นี้เป็นข้องดีของมะระหวานที่นกชอบ หากเพื่อน ๆ คิดถึงฟักเขียวจากเมืองไทย และหาฟักเขียวค่อนข้างยากเช่นเดียวกับนก นึกอยากกินแกงฟักละก็นกแนะนำแกงด้วยมะระหวานแทนนะค่ะ รับรองอร่อยไม่ผิดหวังแน่นนอน มะระหวานเป็นชื่อที่เราเรียกกัน แล้วที่บ้านเพื่อนๆ เรียกมะระหวานว่าอะไร





ส่วนผสม

เนื้อหมูแดงหั่้นชิ้นพอคำประมาณ 300-400 กรัม
มะระหวานหั่นชิ้่นพอคำ 2 ลูก
กะทิ 1 กระป๋อง (แยกหัวกะทิ หางกะทิ)
น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ชต
พริกขึ้หนูสดโขลกละเอียด 10 เม็ด
พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง 1-2 เม็ด
น้ำปลา 1 ชต
น้ำตาลทราย 1 ชต
ใบโหระพา ตามชอบ
ใบมะกรูดฉีก ตามชอบ

วิธีทำ
1. เปิดไฟที่เตาปานกลาง นำหัวกะทิใส่ลงในหม้อต้มให้เดือด พอหัวกะทิเริ่มเดือด ใส่น้ำพริกแกงเผ็ด และพริกขี้หนูสดโขลกละเอียด ลงไปผัดให้น้ำพริกกับกะทิเข้ากันดี หมั่นคนเป็นระยะ
2. เมื่อกะทิแตกมันได้ที่ ใส่เนื้อหมูลงไป ผัดจนหมูสุก จากนั้นเติมกะทิลงไปอีกหน่อยคนให้หมูเข้ากับเครื่องแกง
3. ใส่มะระหวาน และหางกะทิลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน
4. น้ำแกงเดือดชิมรสตามชอบ จากนั้นเคี่ยวต่ออีกสักพักประมาณ 30 นาที จากนั้นใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า และใบมะกรูด ที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันปิดไฟในเตา ยกลงตักใส่ถ้วยยกเสริฟได้เลย

***เครื่องแกงที่นกใช้วันนี้เป็นเครื่องแกงสำเร็จรูป นกเลยต้องตำพริกเพิ่มไปอีกนะค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชอบเผ็ดก็ไม่ต้องเพิ่มพริกก็ได้ค่ะ นกเอารูปมะระหวานมาให้เพื่อนๆ ชมเผื่อเพื่อน ๆที่ไม่รู้ว่ามะระหวานมีหน้าตาอย่างไรนะค่ะ***




ข้าวคะน้าหมูทอด

เมนูที่คิดถึง..... ข้าวคะน้าหมูทอด วันนี้นกไปตลาดในเมืองมาค่ะ อากาศไม่ค่อยเป็นใจ แต่ด้วยความอยากเลยทำให้ต้องมา นี้ถ้าเจ้าผักไม่มีคะน้าขายสงสัยมีโกรธ นกกับเพื่อน ๆ มักจะสั่งข้่าวคะน้าหมูทอดเป็นประจำ หากมีโอกาสมากินข้าวเที่ยงร้านอาหารตามสั่ง ร้านนี้เป็นร้านดังหลังที่ทำงานขึ้นชื่อเลยเรื่องข้าวคะน้าหมูทอดไม่มีใครไม่รู้จัก ราคาก็ใช่ว่าจะถูก เรียกว่าค่อนข้างแพงก็ว่าได้ค่ะ นกไม่เข้าใจเหมือนกันว่าลูกค้าติดใจได้อย่างไร แต่ลูกค้า 8 ใน 10 คน ถ้าเข้ามาร้านนี้แล้วจะต้องสั่งข้าวคะน้าหมูทอด นกกับเพื่อนๆก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำ จริงๆ แล้วที่ร้านนี้เค้าขายข้าวแกง ก๋วยเตียว ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดงเรียกว่า ครบสูตร แต่ข้าวคะน้าหมูทอดถือเป็นเมนูเด็ดของทางร้าน นกว่าที่หลายๆ คนติดใจคงติดใจหมูทอดของทางร้าน นกว่ามันอร่อยมากๆ เนื้อหมูที่นำมาใช้คงเลือกมาอย่างดี เมื่อทอดเนื้อมันนุ่มไม่เหนียว ว่าแล้วชวนเพื่อนๆเข้าครัวกันดีกว่า



ส่วนผสม
เนื้อหมูหั่นสไลด์ 300 กรัม
ยอดคะน้า/ใบคะน้า หั่น 3-4 ต้น
กระเทียมสับ 3-4 กลีบ
น้ำมันหอย 2 ชต
น้ำตาลทราย ตามชอบ
ซีอิ้วขาว 1 ชช
พริกสดหั่นท่อน 2-3 เม็ด (ุถ้าต้องการให้มีรสเผ็ดนิด ๆ)
เกลือหยิบมือ

วิธีทำ
1. เอาหมูคลุกกับเกลือหมักไว้ประมาณ 30 นาที ครบกำหนดเปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่หมูลงไปทอดจนกรอบเหลือง ตักหมูขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
2. ตั้งกะทะใส่น้ำมันสัก 2 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมสับลงไปผัด พอกระเทียมเหลืองใส่คะน้าที่หั่นเตรียมไว้ ผัดสักหน่อยแล้วเติมน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ถ้าต้องการให้มีรสเผ็ดนิด ๆ ก็ใส่พริกสดหั่นลงไป ผัดต่อไปซักพักจนผักคะน้าเริ่มสลดก็ปิดเตาและยกลงได้
3. ตักข้าวใส่จาน ราดด้วยคะน้าที่ผัดไว้ จากนั้นเอาหมูทอดโรยหน้ายกเสริฟร้อนๆ ได้เลยค่ะ



พายแยมแอปเปิ้ล

มาอีกแล้วค่ะ แยมแอปเปิ้ล จริง ๆ กะจะเก็บแยมนี้ไว้ทากับขนมปัง แต่ด้วยความที่นกและแฟนคลับไปเที่ยวบ้านพ่อแม่ ครั้งก่อนเล่าถึงทำแยมแอปเปิ้ลทานเอง พ่อแม่สนใจอยากชิมรส เย็นนี้หลังจากทานอาหารค่ำ แฟนคลับชวนไปบ้านพ่อแม่กัน นกเลยต้องลงมือทำทาร์ต กะว่าจะเอาไปฝากบ้านพ่อแม่แฟนคลับนะค่ะ










ส่วนผสมแป้งพาย
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
เนยสด หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 150 กรัม
น้ำเย็นจัด 1 ถ้วย (ใส่ที่ละนิดจนกระทั้งแป้งไม่ติดมือ)
ไข่ไก่ 1ฟอง
ไส้แยมแอปเปิ้ล

วิธีทำ
1.เริ่ม ทำแป้งพายโดยนำส่วนผสมของแป้ง และเนย ใส่ลงในอ่างผสมใช้มือบีบคลุกเค้าให้เข้ากันทั้งหมด เติมน้ำเย็นจัดลงไปที่ละนิดจน ใช้มือนวดให้เข้ากันจนกระทั้งเป็นแป้งโดว์ จากนั้นนำเข้าตู้เย็นพักไว้ประมาณ 1-2 ชม
2. นำแป้งโดว์ที่พักไว้มาคลึงให้ได้ขนาดตามพิมพ์ที่ต้องการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกนำมาบุลงในพิมพ์ ใช้มือกดให้แป้งแนบกับพิมพ์ จากนั้นเอาไส้แยมแอ๊ปเปิ้ลใส่ลง ให้เกลี่ยไส้กระจายทั่วพิมพ์เอาแป้งพายอีกส่วนนำมาตัดให้เป็นเส้น ๆ แล้วปิดหน้ากดให้ริมทั้งสอง ติดกัน
3.ตีไข่ให้แตก แล้วนำมาทาให้ทั่วหน้าพายจากนั้น เอาเข้าเตาอบที่ไฟ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที หรือจนกระทั้งจนแป้งพายเป็นสีเหลืองสุกสวย ใส่จานยกเสริฟคู่กับไอศกรีมหรือคัสตาร์ด ก็ได้ค่ะ

***ถ้าเพื่ือน ๆ มีเวลาไม่มาก หรือไม่อยากจะนวดแป้งเอง สามารถใช้แป้งพายสำเร็จที่ขายตามซุปเปอร์ทั่วไปก็ได้สะดวกดี สำหรับเพื่อน ๆที่ต้องการความรวดเร็ว นกเห็นที่นี้ขายราคาไม่แพงเลยค่ะ แต่วันนี้นกทำแป้งพายเอง เพราะเห็นว่าที่บ้านมีส่วนผสม ไม่ต้องออกไปซื้อหาอีกนะค่ะ***

ขนมปังเกลียวแยมแอปเปิ้ล

นกทำขนมปังเกลียวหลายรอบ แ่ต่ไม่ได้เอาสูตรมาลงในครัวสักที เพราะเห็นว่าขั้นตอนทำดูจะเยอะไปหมด เขียนให้ละเอียดอย่างไร อ่านดูแล้วก็ยังไม่ได้ใจความที่ดี นกกะไว้ว่าจะทำอีกรอบแล้วจะถ่ายขั้นตอนการทำเกลียวให้เพื่อนๆ เห็นคงจะเข้าใจมากขึ้น แต่เพื่อนชาวครัวเอ็นดีคนหนึ่งบอกว่าอยากได้สูตรจริงๆ เอาไปลองทำดู ส่วนเรื่องทำเกลียว ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจจะถามอีกรอบ เขียนสูตรเสร็จ รีบเอามาลงไว้เลยกลัวว่าจะไม่ทันความต้องการของเพื่อนนะค่ะ





แป้งขนมปัง 200 กรัม
ยีสต์ 1 ชช
น้ำตาลทราย 1 ชต
นมข้นหวาน 1 ชต
ไข่ไก่ตีแตก 1 ฟอง
เกลือป่น หยิบมือ
เนยจืดละลาย 25 กรัม
นมสด 100 ซีซี
แยมแอปเปิ้ล ตามชอบ
เนยสำหรับทาอ่างผสม นิดหน่อย

วิธีทำ
1. นำนมจืดไปต้มให้พออุ่น ๆ แบ่งนมอุ่นออกมาเล็กน้อยใส่ยีสต์ และน้ำตาลลงไปจากนั้นคนให้เข้ากันพักไว้ให้ยีสต์ทำงาน (ประมาณ 5นาที )
2.ใส่ แป้งลงในอ่างผสมจากนั้นทำหลุมตรงกลาง เทส่วนผสมยีสต์ ไข่ตีแตก เกลือ เนยจืด นมข้นหวานลงไป ค่อยๆตะล่อมแป้ง นวดให้เป็นเนื้อเดียวกันจนเนียน เมื่อแป้งเนียนได้ที่เอาออกจากอ่างผสม คลึงแป้งเป็นลูกกลม ๆ
3.หาอ่างผสมอีกใบ ทาเนยให้ทั่วอ่างผสม แล้วใส่แป้งที่เรานวดคลึงเป็นก้อนกลมๆลงไปในอ่าง หาผ้าสะอาด หรือพาสติกมาคลุมไว้ จากนั้นนำอ่างแป้งไปวางไว้ในที่อุ่นๆ พักจนแป้งขึ้นเป็นสองเท่า (หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม)
4.เมื่อแป้งขึ้นเต็ม ที่ ให้เอากำปั้นกดแป้งลงไปไล่ลม นำแป้งที่ได้ยกออกมาวางบนโต๊ะ ตัดแป้งออกเป็นก้อนๆ เท่า ๆกัน พักแป้งให้ขึ้นอีกครั้ง ประมาณ 10 นาที แล้วนำแป้งมาคลึงเบาๆ ตรงการก้อนแป้งทั้งสองด้านคลึงเบา ๆ พยายามแผ่ให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตักแยมใส่ลงไปด้านหนึ่งของแป้ง ให้แยมให้อยู่ประมาณครึ่งของแผ่นแป้งด้านใดด้านหนึ่ง โดยเว้นขอบด้านล่างไว้สักนิดประมาณ 1 ชม จากนั้นพับครึ่งแป้งและใช้นิ้วกดให้ทุกด้านปิดกันสนิท
5.ใช้มีดตัดตรงกลางของแผ่นแป้ง สองเส้นให้มีระยะห่างกันพอควร โดยให้เหลือด้านข้างไว้ ประมาณ 2 ซม. จากนั้นจับแป้งที่หั่นไว้แล้วขึ้นมาจับบิดเป็นเกลียว 2 รอบ แล้วจับเกลียวที่ได้ ม้วนเป็นวงกลม จับปลายของแป้งทั้งสองข้างประกบกันอยู่ด้านล่างวางบนถ้วยฟรอย์ พักโดว์อีกครั้ง โดยใช้แผ่นพลาสติกใส (Warp) ปิดทับหลวม ๆ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ คลุมเอาไว้อีกชั้น พักโดว์ไว้ในที่อุ่น ประมาณ 25-30 นาที
6.ระหว่างที่หมักแป้งเปิดเตาอบที่ 160 C พอแป้งขึ้นเต็มที่แล้ว ทาหน้าขนมด้วยนมสดนำเข้าเตาอบ ประมาณ 15-20 นาที หรือจนขนมปังเป็นสีน้ำตาลสวย จากนั้นเอาออกจากเตาอบ พักบนตะแกง พร้อมเสริฟได้เลยค่ะ

***สำหรับไส้แยม แล้วแต่จะชอบว่าจะไส้แยะอะไรก็ได้นะค่ะ หน้านี้แอปเปิ้ลเยอะ เลยต้องเอามาทำแยมแอปเปิ้ล เก็บไว้หลายขวดเลยที่เดียว ช่วงนี้เลยเห็นขนมอบที่มีส่วนผสมของแอปเปิ้ลมากว่าช่วงอื่น ๆ เห็นแอปเปิ้ลตกไม่เอาไปทำอะำไรปล่้อยให้เน่าเสีย ดูแล้วเสียดายนะค่ะ***